WEF ชี้เครื่องจักรจะเข้าแทนที่มนุษย์ ทำงาน 50% ของงานทั้งหมด ในอีก 5 ปีข้างหน้า

WEF คาดการณ์ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีเครื่องจักรเข้ามาทำงาน 50% ของกระบวนการทั้งหมด เชื่อจะกระทบแรงงานค่าแรงต่ำ สวนทางกับบางสายงานที่จะเป็นที่ต้องการ

World Economic Forum (WEF) คาดการณ์ว่า เครื่องจักรจะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในสัดส่วน 50% ของงานทั้งหมด ภายในปี 2568 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า จากเดิมที่ในปัจจุบัน เครื่องจักรเข้ามามีบทบาทในการทำงานแล้วประมาณ 1 ใน 3 ของกระบวนการทั้งหมด

รายงานของ WEF ชี้ว่า ปัจจัยที่ทำให้เครื่องจักรเข้ามาแทนที่มนุษย์เร็วขึ้นมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้บริษัทต่างๆ เร่งพัฒนาเทคโนโลยี โดยมีจุดประสงค์ทั้งที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่ให้สอดรับกับอนาคต รวมทั้งยังต้องการใช้เครื่องจักรแทนการทำงานบางอย่าง เพื่อลดภาระเงินเดือนพนักงาน

WEF ระบุว่า การเข้ามาแทนที่ของเครื่องจักรจะทำให้รูปแบบงานของมนุษย์เปลี่ยนไปเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะด้านการให้คำปรึกษา การสื่อสารและการตัดสินใจมากขึ้น เช่นเดียวกับสายงานบางประเภท เช่นงานด้านวิศวกรรม และด้านซอฟท์แวร์ประมวลผล (cloud computing) จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น

แต่ในอีกมุมหนึ่ง เครื่องจักรจะทำให้เกิดภาวะไม่เท่าเทียมอย่างสาหัส เพราะจะทำให้แรงงานค่าแรงต่ำที่ไม่มีทักษะเฉพาะตกงานจำนวนมาก

โดยจากการสำรวจความคิดเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ 300 แห่ง ซึ่งมีอัตราการจ้างงานรวม 8 ล้านคนทั่วโลก พบว่านายจ้างมากกว่า 50% คาดหวังให้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่การทำงานบางอย่างในบริษัทโดยเร็ว ขณะที่อีก 43% รู้สึกได้ว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีจะทำให้ต้องปลดพนักงาน