‘จูน จรีพร’ ย้ำท่ามกลาง หุ้น WHA ร่วง นำ WHAID เข้าตลาด เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน

หลังจากเมื่อวาน (24 ก.พ. 2568) ที่มีข่าวว่า WHA เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทย กำลังจะเอา บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ WHAID เข้าตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ราคาหุ้ของเมื่อวานร่วงหนักสุด -20% หาสาเหตุไม่ได้ว่านักลงทุนกังวลการ Spin off บริษัท หรือกังวลเรื่องงบไตรมาส 4/2024 

[ รายได้ทั้งปียัง + ปันผลก็ยังมีให้นักลงทุน ]

ทำให้ ‘จรีพร จารุกรสกุล’ ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ออกมาแถลงข่าวหุ้นตกว่า ในปี 2024 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 4,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% และประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 แก่ผู้ถือหุ้นรวมจำนวน 2,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 3.6% 

ทั้งนี้ แผนเตรียมการออกและเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WHAID) ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) นั้น เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ 

และเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงโอกาสในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกกลุ่มธุรกิจของ WHA ในอนาคต โดยแผนการ IPO ของ WHAID จะช่วยสนับสนุนศักยภาพและความสามารถในการเติบโตของ WHAID ในฐานะ Flagship ในการดำเนินธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของกลุ่ม ซึ่งมีการเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

สอดคล้องกับความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมในประเทศไทยและในประเทศเวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้นและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนี้ เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ยังจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับ WHA ในการขยายธุรกิจได้ตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งรวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจ New S-Curve ได้แก่ ธุรกิจโมบิลิตี้ และธุรกิจดิจิทัล 

โดยภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP สัดส่วนการถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งหมดของบริษัทใน WHAUP จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 71.59 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ WHAUP

[ ‘จูน จรีพร’ มั่นใจเอาบริษัทลูกเข้า IPO มีประโยชน์กับนักลงทุน ]

นอกจากนี้ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) WHAID จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยบริษัทจะถือหุ้นใน WHAID ทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75.95 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ WHAID ภายหลังการ IPO

พร้อมทั้งยืนยันว่าแผนการ IPO ของ WHAID และการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP เป็นไปเพื่อ ‘สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น’ ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทในทุกภาคส่วน

ทั้งนี้และทั้งนั้น ไม่รู้ว่านักลงทุนยังคงมองเรื่องราวของ WHA เป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ วันที่ (25 ก.พ. 2568) ราคาหุ้นยังร่วง -7.03% ทำราคาหุ้นต่ำสุดอยู่ที่ 3.44 บาท/หุ้น