SHARE

คัดลอกแล้ว

องค์การอนามัยโลกเผยจำนวนผู้ป่วยฝีดาษลิงทะลุ 550 รายใน 30 ประเทศทั่วโลก ขณะอังกฤษยืนยันพบการระบาดในชุมชนครั้งแรกจากผู้ป่วยที่ไม่มีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด

วันที่ 2 มิ.ย. 2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยเมื่อวันพุธ (1 มิ.ย.) ว่าพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงแล้วมากกว่า 550 รายในกว่า 30 ประเทศ ขณะที่เชื้อไวรัสยังคงแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก 

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า การที่มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงปรากฏขึ้นมาในหลายๆ ประเทศทั่วโลกนั้น บ่งชี้ว่าไวรัสนี้มีการแพร่กระจายอยู่นอกทวีปแอฟริกาซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไวรัสฝีดาษลิงเป็นเชื้อประจำถิ่นมาแล้วระยะหนึ่งโดยไม่มีการตรวจพบ 

นายแพทย์กีบรีเยซุสกล่าวว่า แม้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่พบเป็นเพศชายที่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน แต่องค์การอนามัยโลกขอย้ำว่า ทุกคนสามารถติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ไม่ใช่เพียงเฉพาะผู้ป่วยในกลุ่มชายรักชายเท่านั้น และขอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เพิ่มการเฝ้าระวังเพื่อสกัดการระบาดในกลุ่มประชากรวงกว้าง 

ขณะเดียวกันแพทย์หญิงโรซามุนด์ ลูอิส หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโรคฝีดาษขององค์การอนามัยโลกได้เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงเจนีวาเมื่อวานนี้ว่า ไวรัสดังกล่าวอาจเกิดการติดต่อมาเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปีแล้วโดยที่ตรวจไม่พบ แม้ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการสืบสวนและยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนในเรื่องนี้

“เราไม่ทราบจริงๆ ว่าตอนนี้จะสายเกินไปสำหรับการกักกันโรคแล้วหรือไม่ แต่สิ่งที่องค์การอนามัยโลกและประเทศสมาชิกทุกประเทศกำลังพยายามอยู่ก็คือการป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายออกไปมากขึ้น” แพทย์หญิงลูอิสระบุ พร้อมเสริมว่า การติดตามและแยกผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงออกจากชุมชนเป็นเรื่องสำคัญในการสกัดการระบาดของเชื้อไวรัส

ทางด้านแพทย์หญิงมาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก อธิบายว่า ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมักฟื้นตัวได้เอง แม้จะพบอาการรุนแรงในบางกรณี แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวทั้งในอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบผู้ป่วยจำนวนมาก และยังไม่พบการระบาดในกลุ่มประชากรที่มีความเปราะบาง เช่น เด็ก และสตรีมีครรภ์ ในทั้งสองภูมิภาค

โดยที่แพทย์หญิงลูอิสได้ขยายความถึงกรณีการเสียชีวิตจากโรคฝีดาษลิงที่มีการรายงานมายัง WHO จากการเฝ้าติดตามการระบาดในทวีปแอฟริกามานานกว่า 5 ทศวรรษ พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ในทวีปแอฟริกาทุกปี โดยในปี 2565 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 70 รายใน 5 ประเทศ 

แพทย์หญิงลูอิสได้อธิบายต่อว่า พบการระบาดเพิ่มขึ้นในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าอาจเป็นเพราะโครงการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษถูกยุติลงมาตั้งแต่ปี 2523 ส่งผลให้ประชากรที่มีอายุต่ำกว่า 40 หรือ 50 ปี ไม่มีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนจึงมีอาการป่วยเมื่อได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย 

อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นที่ประเทศต่างๆ จะต้องเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง เนื่องจากการระบาดยังคงเกิดขึ้นเฉพาะกลุ่ม ขณะที่วัคซีนไข้ทรพิษซึ่งสามารถป้องกันไวรัสฝีดาษลิงได้ด้วยนั้น พบว่าที่มีอยู่ทั่วโลกส่วนใหญ่เป็นวัคซีนรุ่นแรกซึ่งไม่ตรงตามมาตรฐานในปัจจุบัน ส่วนวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษรุ่นใหม่ก็ยังคงมีอุปทานอยู่จำกัด โดยขณะนี้องค์การอนามัยโลกกำลังทำงานร่วมกับบริษัทต่างๆ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนและวิธีการรักษาใหม่ๆ  

ทั้งนี้ ไวรัสฝีดาษลิงซึ่งปกติเป็นไวรัสประจำถิ่นบริเวณทวีปแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก ถูกพบว่ามีแพร่ระบาดอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปตั้งแต่กลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าไวรัสอาจแพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ เป็นวงกว้าง

ล่าสุด สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) ได้ออกมาแถลงเมื่อวันพุธ (1 มิ.ย.) ว่า พบการระบาดของเชื้อไวรัสจากบุคคลหนึ่งสู่บุคคลหนึ่งซึ่งไม่มีประวัติการเดินทางเชื่อมโยงไปยังประเทศเกิดการระบาดมาก่อน ซึ่งอุปมานได้ว่าเป็นการระบาดที่เกิดขึ้นในชุมชน

UKHSA ระบุว่า ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่ถูกพบในประเทศ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอนซึ่งมีจำนวนถึง 132 ราย ขณะที่ 111 รายเป็นผู้ป่วยชายที่มีรสนิยมมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน โดยมีเพียงแค่ 2 รายเท่านั้นที่เป็นผู้ป่วยหญิง 

ขณะที่สหรัฐอเมริกาได้มีการรายงานพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงแล้วอย่างน้อย 15 รายใน 9 รัฐทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีรายงานพบผู้ป่วยในประเทศอื่นๆ อาทิ สเปน โปรตุเกส ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม แคนาดา เยอรมนี และสวีเดน ฯลฯ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า