องค์การอนามัยโลกอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ร่วมกับไบโอเอ็นเทคในกรณีฉุกเฉินแล้ว ขณะที่ผู้ผลิตเตรียมเจรจาหาโรงงานผลิตวัคซีนเพิ่ม หวั่นผลิตไม่ทัน
วันที่ 1 มกราคม 2564 เว็บไซต์อัลจาซีรารายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) อนุมัติการใช้งานวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ร่วมกับไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ในกรณีฉุกเฉินแล้วเมื่อวานนี้ (31 ธ.ค.) ซึ่งเป็นเหมือนการเปิดทางให้ประเทศต่างๆ มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวมากขึ้น
การอนุมัติขององค์การอนามัยโลกยังเป็นเหมือนการอนุญาตให้องค์กรช่วยเหลือต่างๆ เช่นยูนิเซฟ (UNICEF) ส่งวัคซีนของไฟเซอร์ไปยังประเทศต่างๆ ได้ทันทีอีกด้วย ท่ามกลางความกังวลของหน่วยงานสิทธิมนุษยชนที่พบข้อมูลว่า 96% ของวัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์ร่วมกับไบโอเอ็นเทค ถูกจองโดยประเทศร่ำรวย เช่นแคนาดา อังกฤษและสหรัฐฯ ไปแล้ว ทำให้วัคซีนโควิด-19 อาจเข้าไม่ถึงประเทศยากจน
รายงานระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ร่วมกับไบโอเอ็นเทคจำนวน 600 ล้านโดส ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่สหภาพยุโรปสั่งน้อยกว่าสหรัฐฯ ราวครึ่งหนึ่งภายในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งทางบริษัทไบโอเอ็นเทคยอมรับว่า มีความกังวลถึงการผลิตวัคซีนที่อาจส่งมอบไม่ทันตามแผน ซึ่งเบื้องต้นกำลังแก้ปัญหาด้วยการเจรจากับโรงงานผลิตวัคซีนอื่นๆ หวังช่วยเพิ่มกำลังการผลิต
ขณะที่ข้อจำกัดสำคัญของวัคซีนชนิดนี้คือต้องเก็บวัคซีนในอุณหภูมิที่ต่ำมากคือ -70 องศาเซลเซียส ซึ่งตู้เย็นปกติไม่สามารถใช้ได้ ทางไบโอเอ็นเทคเปิดเผยว่า กำลังพัฒนาวัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่ที่สามารถเก็บในอุณหภูมิที่สูงกว่าเดิม