WHO ค้านบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 หวั่นเจอกระแสตีกลับจนส่งผลเสีย

องค์การอนามัยโลกให้ความเห็นว่าแต่ละประเทศไม่ควรใช้วิธีบังคับให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน

วันที่ 7 ธ.ค. 2563 องค์การอนามัยโลก (World Health Organisation) หรือ WHO เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า การชักชวนให้เห็นประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะเป็นผลดีมากกว่าการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน เนื่องจากเชื่อว่าอาจส่งผลให้เกิดการต่อต้านมากยิ่งขึ้นสำหรับบุคคลบางกลุ่ม

เคต โอไบรเอน ผู้อำนวยการแผนกเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของ WHO มองว่า การบังคับใช้กฎหมายไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะสำหรับวัคซีนตัวนี้ โดยเชื่อว่าการกระตุ้นและสนับสนุนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นแนวทางที่ดีกว่า และทางองค์การอนามัยโลกไม่ต้องการเห็นประเทศใดทำให้การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องที่ต้องบังคับ ยกเว้นกรณีของบุคลากรทางสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยของคนไข้และเพื่อนร่วมงาน

ไมก์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการฉุกเฉินออกมาแสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า บุคลากรทางสาธารณสุขทั้งหมดคงต้องการหลีกเลี่ยงที่จะใช้วิธีบังคับในเรื่องวัคซีน ควรจะใช้วิธีนำเสนอข้อมูลและข้อดีของวัคซีน และปล่อยให้ผู้คนตัดสินใจเอง

แม้ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะถูกยกให้เป็นความหวังในการเอาชนะการระบาดของเชื้อไวรัสในขณะนี้ แต่ทางฝั่งตะวันตกเองยังคงมีการเคลื่อนไหวเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนมีสิทธิ์ในการปฏิเสธเข้ารับการฉีดวัคซีนตัวนี้

ดร.เจน โอเรียนต์ แพทย์ที่ได้รับคำเชิญเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทมส์ (New York Times) ว่าเธอคัดค้านการบังคับให้ชาวอเมริกันทุกคนต้องเข้ารับวัคซีน เนื่องจากวัคซีนของทั้ง ไฟเซอร์ (Pfizer) และ โมเดอร์นา (Moderna) ใช้วิธีการใหม่ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งยังไม่ทราบถึงความเสี่ยงที่ชัดเจน จึงไม่ควรผลักดันให้ประชาชนต้องเสี่ยงไปด้วย และมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิของบุคคล

ในเรื่องนี้ ชัค ชูเมอร์ ส.ว.ของพรรคเดโมแครตและผู้นำเสียงข้างน้อย ได้ออกมาโจมตีส.ว.จากพรรครีพับลิกันถึงการเชิญ ดร.โอเรียนต์ เข้ามาให้การ โดยเห็นว่าในเวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่ควรให้พื้นที่แก่ผู้ที่สร้างข่าวลือและความเชื่อผิดๆ ต่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19