SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อก่อนเวลาซื้อสมาร์ทโฟน ของแถมในกล่องพื้นฐานที่ต้องมีคือที่ชาร์จแบต ซึ่งรวมทั้งหัวชาร์จ และสายชาร์จ, สายหูฟัง, เคสใส และคู่มือการใช้งานต่างๆ แบรนด์ไหนอยากทำการตลาดก็จะแถม accessories อื่นๆ อย่าง ไม้เซลฟี่ หมอน แก้ว 

แต่นั่นกลายเป็นอดีตไปแล้ว เพราะบางสมาร์ทโฟนเดี๋ยวนี้ มาในแพ็กเกจเล็กลง ของแถมมีอย่างเดียว คือสายชาร์จเท่านั้น ไม่แถมหัวชาร์จหรืออะแดปเตอร์ให้แล้ว ผู้จุดเทรนด์ก็คือ Apple ตามมาด้วย Samsung, Google Pixel ล่าสุด Oppo บางรุ่นก็จะเอาด้วย รวมถึง Redmi Note 11SE ของ Xiaomi และแบรนด์น้องใหม่ Nothing Phone

เรื่องนี้มีเหตุผลเบื้องหลังหลักๆ คือเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราจะค่อยๆ แจกแจงกันไปในบทความนี้

[ Apple นำเทรนด์ ]

Apple หยุดแถมหัวชาร์จอะแดปเตอร์ และสายหูฟังใน iPhone 12 ในงานเปิดตัวครั้งนั้น (ปี 2020) Apple ให้เหตุผลว่า ผู้ใช้งาน Phone ส่วนใหญ่มีหูฟัง Lightning อยู่แล้ว และหลายๆ คนก็เปลี่ยนไปใช้หูฟังไร้สาย 

ตรงหูฟัง มีประเด็นนิดหนึ่งด้วยว่า สมาร์ทโฟนใหม่ๆ ไม่ค่อยมีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรแล้ว เพราะคนใช้งานน้อยลง และจะได้มีพื้นที่ในตัวเครื่องไว้เสริมฟังก์ชั่นอื่นๆ 

Apple ยังบอกด้วยว่า ตอนนี้มีอะแดปเตอร์แปลงไฟของ Apple มากกว่า 2 พันล้านชิ้นที่อยู่ในมือผู้บริโภคแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นอะแดปเตอร์ที่ผลิตโดยแบรนด์อื่น 

เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเหล่านี้ Apple จึงหยุดแถมทั้งสองตัวมาให้ในกล่อง ช่วยลดการใช้ทรัพยากร บรรจุภัณฑ์ของ iPhone มีขนาดเล็กลง

Apple จึงสามารถจัดส่งโทรศัพท์ได้มากขึ้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในด้านลอจิสติกส์

หลังจากนั้น Samsung ก็เอาด้วยใน Galaxy S21 สมาร์ทโฟนรุ่นต่อๆ มาของ Samsung ก็หยุดแถมหัวชาร์จ ทั้งรุ่น flagship อย่าง Galaxy Z Fold, Flip ไปจนถึงมือถือรุ่นกลางอย่าง Galaxy A และ M ซีรีส์ 

[ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ จริงรึเปล่า ]

แน่นอนว่าถ้าสมาร์ทโฟนแบรนด์ใหญ่ๆ หยุดแถมหัวชาร์จ ก็สามารถช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ 

แนวคิดของ Apple ถูกส่วนหนึ่งคือ ลูกค้ามีอะแดปเตอร์อยู่แล้ว ทั้งของ Apple เอง และของยี่ห้ออื่น หรือของอุปกรณ์อื่นที่มันสามารถใช้ร่วมกันได้ ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันในแบรนด์ accessories 

และถ้าเราลองมองดูรอบตัว เราอาจมีอะแดปเตอร์อยู่แล้วโดยไม่ต้องซื้อใหม่ก็ได้ ลองคิดเล่นๆ ว่า สมาร์ทโฟนโดยเฉลี่ยมีอายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปี ดังนั้น หากเราเป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟนตั้งแต่ iPhone เครื่องแรก เราก็อาจจะมีสมาร์ทโฟนผ่านมาประมาณ 5 เครื่องแล้ว มีอะแดปเตอร์อยู่รอบๆ ตัวเราไม่ต่ำกว่า 2 ก้อน  

แต่ทฤษฎีข้างต้น ใช้ได้ผลจริงรึเปล่า?

ตอนนี้ยังเป็นเรื่องที่พูดยาก ยังไม่มีใครรู้ในเชิงจำนวน ว่านโยบายเลิกแถมอะแดปเตอร์ ช่วยเราลดขยะไปมากเท่าไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนคือ เราจะต้องจ่ายมากขึ้นในการซื้ออะแดปเตอร์

ถึงแม้ลูกค้าจะมีอะแดปเตอร์ Apple อยู่แล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีเปลี่ยน iPhone ที่ผ่านมา มาพร้อมกับอะแดปเตอร์ Lightning แต่รุ่นปัจจุบัน มาพร้อมสาย USB-C to Lightning ทำให้ไม่สามารถใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จ iPhone รุ่นเก่าได้ 

และในกรณีที่ลูกค้าต้องการขายต่อ ถ้าอยากขายได้ราคาดี ก็ต้องขายทั้งชุด ทั้งมือถือ สายชาร์จ อะแดปเตอร์ ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอะแดปเตอร์อยู่กับตัว 

การพัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จ ยิ่งทำให้อุปกรณ์เราล้าสมัยไวขึ้น เมื่อก่อน อะแดปเตอร์กำลังสูงมีเอาต์พุตสูงสุด 18W หรือมากกว่านั้น แต่ตอนนี้ ความเร็วไปไกลมากกว่า 65W แล้ว ซึ่งถ้าเราอยากใช้อะแดปเตอร์ที่รองรับชาร์จเร็ว ได้เท่ากับที่มือถือมี ก็ต้องซื้อใหม่อยู่ดี เพิ่มขยะบรรจุภัณฑ์ พลาสติก และเพิ่มรอบการขนส่งขึ้นไปอีก

ดังนั้น จึงตอบยากมากๆ ว่าการที่บรรดาแบรนด์มือถือไม่แถมอะแดปเตอร์ ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้จริง และทำให้ผู้บริโภคอดคิดไม่ได้ว่า ผู้ผลิตมือถือแค่อยากเอากำไรมากขึ้น โดยยกข้ออ้างสิ่งแวดล้อมมาบังหน้ารึเปล่า 

[ ทางออกอยู่ตรงไหน ]

นโยบายนี้ทำให้รัฐบาลบางประเทศไม่เอาด้วย อย่างบราซิลชัดเจนมาก ตั้งแต่ Apple ทำนโยบายไม่แถมอะแดปเตอร์ องค์กรสิทธิผู้บริโภคของบราซิล Procon-SP ขอให้ Apple จัดเตรียมเอกสารที่พิสูจน์ว่าการถอดที่ชาร์จออกจากกล่องนั้นดีต่อสิ่งแวดล้อม 

ล่าสุด บราซิล ไปไกลกว่านั้น สั่งแบนไม่ให้ขาย iPhone แล้ว โดยตอนนี้อยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ของ Apple ซึ่งนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น เพราะไม่ใช่แค่ Apple หลายแบรนด์เริ่มไม่แถมอะแดปเตอร์ในบางรุ่นแล้ว 

ฝั่งบริษัท และฝั่งผู้บริโภค ต่างก็มีเหตุผลหนักแน่นกันทั้งนั้น แล้วทางออกอยู่ตรงไหน 

บทความเรื่อง What’s the Deal With Smartphone Makers Not Including Chargers? จากเว็บไซต์  MUO เสนอไว้ว่า หากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเลือกแล้วที่จะไม่แถมอะแดปเตอร์ ก็ควรลดราคาลงจากเดิม เพื่อให้ไม่ดูเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไป

และควรเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ด้วยการเสนอขายทั้งแบบมีและไม่มีอะแดปเตอร์ ในราคาต่างกัน ให้ลูกค้าเลือกเองว่าต้องการอะแดปเตอร์หรือไม่ ถือว่า win-win-win กับทุกคน คือผู้ผลิตประหยัดได้บางส่วน ผู้บริโภคมีอิสระในการตัดสินใจ และลดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่จำเป็นได้

ที่มา : 

https://www.androidpolice.com/oppo-will-stop-including-chargers/ 

https://www.gsmarena.com/xiaomi_may_stop_shipping_chargers_with_its_redmi_devices-news-55526.php 

https://www.makeuseof.com/why-dont-smartphones-come-with-chargers-anymore/ 

https://www.sammobile.com/news/samsungs-cheap-phones-wont-come-with-a-charger/ 

https://www.youtube.com/watch?v=WVPM6D-3aZo 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า