ทำไมการจ่าย 300 ค่ายืนยันตัวตน Twitter ถึงเป็นปัญหา และจะไม่สร้างรายได้อย่างที่ Musk คาดหวัง

ทันทีที่ Elon Musk เป็นเจ้าของ Twitter อย่างเป็นทางการ เขาก็เปรยๆ แผนการรื้อ Twitter ใหม่ ให้สอดคล้องกับแนวทางของเขา เช่น Twitter ควรมีปุ่มแก้ไขโพสต์ได้แล้ว, Twitter ควรรื้อ Vine แอปคลิปสั้นกลับมา เพื่อจะได้สู้แพลตฟอร์มอื่นได้ และขึ้นราคา Twitter Blue แรงๆ ไปเลย จะได้ทำเงินได้เยอะๆ 

แต่ส่วนที่เป็นปัญหาคือ Musk ต้องการให้ทุกคนจ่ายเงินเพื่อใช้เครื่องหมายยืนยันตัวจริงหรือ verified badge เขามองว่าระบบการตรวจสอบเพื่อให้ได้เครื่องหมายของ Twitter นั้นคล้ายกับระบบวรรณะในยุคกลาง วิธีที่ดีที่สุดคือ ให้ทุกคนจ่ายเพื่อใช้งาน 8 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราว 300 บาท ซึ่งถ้าใครจ่ายจะได้โอกาสเพิ่มการมองเห็น เพิ่มเอนเกจเมนท์ 

Musk ยังบอกด้วยว่า วิธีนี้จะช่วยลดบอท สแปม 

ในบทความนี้ จะค่อยๆ อธิบายว่า ทำไมนโยบายของ Musk ถึงเป็นปัญหา และจะไม่ส่งผลดีต่อผู้ใช้งาน รวมถึงตัว Twitter เอง และตลอดทั้งบทความ จะมีความคิดเห็นของผู้เขียนแทรกอยู่เป็นระยะ 

[ จุดเริ่มต้นการยืนยันตัวตน เพราะคนดังถูกแอบอ้างใน Twitter บ่อยๆ ]

ที่มาของเครื่องหมายสีฟ้าบน Twitter มาจากแอคเคาท์ปลอม ที่สร้างตัวตนบน Twitter โดยใช้ชื่อและภาพของคนดัง โพสต์เนื้อหาที่ทำให้เจ้าของรูปโปรไฟล์ตัวจริงมีความเสียหาย 

หนึ่งในคนดังกลุ่มแรกๆ ที่ถูกแอบอ้างคือ Shaquille O’Neal เริ่มใช้งาน Twitter ในเดือนพฤศจิกายน 2008 ด้วยเหตุผลว่ามีคนอื่นแอบอ้างเป็นเขา บัญชีปลอมยังคงแพร่ระบาดไปเรื่อยๆ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่นดาราชาย Ewan McGregor,  Robert H. Schuller นักเขียน จนนำไปสู่การฟ้องร้อง Twitter 

ในปี 2009 Twitter ก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทดสอบระบบยืนยันตัวตนบัญชี 

สำหรับเงื่อนไขล่าสุดของ Twitter ในการขอยืนยันบัญชีคือ บัญชีมีชื่อและรูปโปรไฟล์, เข้าสู่ระบบในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา, บัญชีมีที่อยู่อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ยืนยันแล้ว, ไม่มีการล็อกเอาต์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

ส่วนบัญชีไม่มีสิทธิ์คือบัญชีที่มีเนื้อหา ล้อเลียนและแฟนแอคเคาท์อย่างไม่เป็นทางการ, สัตว์เลี้ยงและตัวละคร fictional, บัญชีที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เป็นอันตราย/เนื้อหาแสดงความเกลียดชัง

แม้จะยังไม่มีรายละเอียดว่า Musk จะเปลี่ยนกฎเกณฑ์นี้อย่างไร แต่คาดว่าจะผ่อนคลายกฎ เพื่อโอกาสในการทำเงินมากขึ้น และเป็นไปได้ว่า ใครก็สามารถมีเครื่องหมายสีฟ้าได้ ตราบใดที่จ่ายเงินให้กับ Twitter 

การมีเครื่องหมายสีฟ้า ช่วยยืนยันให้คนอื่นๆ เห็นว่า เราคือตัวจริง หน่วยงานที่มีอยู่จริง หน่วยงานรัฐบาล นักการเมืองในหลายประเทศมีเครื่องหมายสีฟ้าทั้งสิ้น นโยบายใหม่ของ Musk จะเปลี่ยนวิธีการใช้งาน Twitter ไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เครื่องหมายสีฟ้าไม่มีค่า และ Twitter ก็จะหลุดอันดับโซเชียลมีเดียที่ใช้ตามข่าวสารไปเลย นอกจากนี้ยังไม่ช่วยลดสแปมอย่างที่ Musk ตั้งใจไว้ด้วย เพราะบัญชีสแปมก็สามารถจ่ายได้

อีกประเด็นคือ จ่ายแล้วได้รีช ได้เอนเกจเม้นท์ ก็ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต Cambridge Analytica ช่วงก่อนปี 2016 ที่ไม่ว่าบัญชีใด ก็จ่ายเงินเพื่อซื้อรีช ซื้อโฆษณาบนโซเชียลได้โดยไม่มีการยืนยันตัวตนที่รัดกุม

ผลคือมีแต่ข่าวปลอม และข้อมูลโจมตีนักการเมืองช่วงเลือกตั้ง ข่าวปลอมสุดขั้วพวกนี้ เข้าถึงคนมหาศาล เพราะพวกเขาจ่ายเงินเพื่อซื้อรีชแล้ว ข้อมูลพวกนี้สามารถชี้นำคนได้จริงๆ นำไปสู่การดำเนินคดีจริงของ Facebook อ่านรายละเอียดย้อนหลัง https://workpointtoday.com/cambridge-analytica/ 

ทำให้จินตนาการได้ว่า Twitter ภายใต้ร่มเงาของ Musk ก็คงมีบรรยากาศไม่ต่างจากโซเชียลมีเดียช่วงก่อนปี 2016 เป็นแน่ 

ผู้เขียนเคยแชร์ไว้ในบทความ อนาคตTwitter ในมือ Musk จะ Toxic กว่าเดิม สามารถอ่านย้อนหลังได้ https://workpointtoday.com/twitter-in-the-elon-musk-era/ 

[ เห็บเงินผู้ใช้ อาจไม่สร้างรายได้อย่างที่หวัง ]

ทีนี้ ลองมาคิดในมุมธุรกิจกันบ้าง 

ธุรกิจโฆษณาของ Twitter ซึ่งแหล่งที่มาของรายได้หลัก ชะลอตัวสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ แต่หลังการปฏิวัติของ Musk เอเจนซี่โฆษณารายใหญ่จำนวนหนึ่ง แนะนำให้ลูกค้าหยุดการโฆษณาบน Twitter ชั่วคราว อาจเป็นเพราะความสับสนวุ่นวายของ Twitter เองและเศรษฐกิจในวงกว้าง หรือทั้งสองอย่างรวมกัน

Musk เองก็คงไม่อยากพึ่งรายได้โฆษณาอย่างเดียว จึงคิดวิธีสุดโต่งอย่างปลดพนักงานชุดใหญ่ (รายงานล่าสุดคาดว่าเป็น 3,700 คน หรือครึ่งหนึ่งของพนักงาน Twitter) การขึ้นราคา Twitter Blue แรงๆ (จาก 8 ดอลลาร์ เป็น 20 ดอลลาร์) และจ่ายเพื่อยืนยันตัวตน ทำทุกอย่างให้สามารถคืนทุน 44,000 ล้านดอลลาร์ได้

หากคิดในแง่ดีว่า บัญชีที่ตรวจสอบแล้วของ Twitter ทุกๆ 400,000 บัญชี สมัครแพ็กเกจใหม่ 8 ดอลลาร์ต่อเดือน ก็จะสร้างเงินได้เพียง 38 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นเศษเสี้ยวของการจ่ายดอกเบี้ย 1 พันล้านดอลลาร์ของบริษัท อันเป็นผลมาจากหนี้ใหม่ 

รายงานผลประกอบการรายไตรมาส 2/2022 Twitter ยังขาดทุน 344 ล้านดอลลาร์  การเข้าซื้อกิจการของ Musk ได้เพิ่มหนี้หลายพันล้านดอลลาร์ในงบดุลของบริษัท เพราะส่วนหนึ่งของดีลซื้อ เป็นเงินจากภาระหนี้สินของ Musk ด้วย และ Musk อาจโยกหุ้นที่มีใน Tesla ที่มีอนาคตสดใสอยู่แล้วมาโปะให้ Twitter ที่สถานะกระท่อนกระแท่นและมีความไม่แน่นอนสูง (มาถึงจุดนี้ก็จะพอเข้าใจได้ว่าทำไม Musk อยากล้มดีลในตอนแรก)

[ ส่งท้าย ]

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นการคาดการณ์เบื้องต้นที่อาจจะยังไม่เห็นผลในระยะสั้น สถานการร์ Twitter ตอนนี้ก็ยังฝุ่นตลบ ต้องติดตามกันยาวๆ ว่า Musk ชายผู้คาดเดายากจะเดินหมากยังไงต่อ

แม้ Musk จะเก่งกาจเทคโนโลยีแค่ไหน แต่ Twitter เป็นธุรกิจที่อยู่คนละโลกกับรถยนต์และ Hard Tech โดยสิ้นเชิง การขนวิศวกร Tesla มาทำงานใน Twitter ก็อาจไม่ตอบโจทย์ และยิ่งบีบพนักงาน Twitter ที่รู้งานมาก่อนออกหลายราย ก็อาจถ่วงเวลาพัฒนาระบบหลังบ้านใหม่ให้ช้าลงไปอีก 

ที่มา : 

https://www.nytimes.com/2022/11/02/us/twitter-verification-elon-musk.html 

https://help.twitter.com/en/managing-your-account/about-twitter-verified-accounts 

https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-11-02/musk-plans-to-eliminate-half-of-twitter-jobs-in-cost-cut-drive?sref=LQZclhPm&utm_source=facebook&utm_medium=social&utm_campaign=socialflow-organic&utm_content=asia&fbclid=IwAR0I1oLHgM9iBRUlVeio-pFxOhpztkxnDUGMszR3TJWtft1HzsxI5L88JkA