Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

มันฟังดูเป็นเรื่องโง่มากๆ เลย ที่อยู่ๆ คนที่มีงานการทำมั่นคง ที่ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง หรือใครก็ตามแต่ อาจจะมองว่าเรามีฐานะทางการงานการเงินที่ดีอยู่แล้ว… แล้วเป็นอะไร ถึงรนหาที่ ลาออกมาตกงาน เดินเตะฝุ่น…

ผีเข้าหรือ??? หรือกินยาผิด???

จากประสบการณ์เท่าที่ได้คุยกับหลายๆ คน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่วัยทำงาน ก็พบว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้อยู่ในใจของใครหลายๆ คน และมีความพร้อมมากๆ ที่จะลาออกมานั่งเฉยๆ ดีกว่าต้องฝืนใจไปทำงานด้วยอาการ…รักวันศุกร์ สนุกวันเสาร์ วันอาทิตย์เริ่มเศร้า วันจันทร์อยากตาย

และด้วยเหตุผลที่ไปในแนวทางเดียวกันว่า ไม่อยากเสียเวลาไปกับเอนเนอร์จีลบๆ งานที่บ้าคลั่ง และคนที่เป็นมลภาวะในชีวิต แต่ดันต้องมาเจอทุกวันในออฟฟิศ หลายคนก็เลิกอดทน และยื่นซองขาว ตบเท้า เก็บของ เดินออกมาเอง

หรือบางส่วนก็ให้เหตุผลว่า งานมันกัดกินชีวิตมากจนเกินไป ชีวิตไม่ใช่ชีวิตอีกต่อไปแล้ว เลยยอมทิ้งเงิน ทิ้งงาน มาเริ่มมองหาสมดุลแบบเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ก็ได้ …. ไม่ต้องรอให้หางานไม่ได้ก่อน เพราะไม่อยากเสียสมองอีกต่อไปแล้ว และการออกมานั่งต้มมาม่ากินมีความสุขมากกว่าการไปเจอสภาพแวดล้อมเดิมๆ สุดเส็งเคร็ง

และเรื่องนี้ก็ฟังดูมีประเด็นมากขึ้น …เพราะไม่นานนี้เอง ผมก็ได้อ่านงานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับคนเจนเนอเรชั่นต่ำกว่า X ลงมา ที่ออกมาพูดชัดเจนว่า เรื่องการลาออกแบบไม่มีงานรองรับ เป็นเรื่องที่พวกเขาเกือบ 40% ยินดีที่จะทำ แม้จะต้องเจ็บปวดก็ตาม

มันน่าคิดไหมครับว่าอะไรทำให้คนทำงานทนไม่ได้ถึงขนาดนี้

ผมลองมานั่งตกผลึก เพื่อลองดูสิว่ามันมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้คนเรายอมตกงาน ทั้งๆ ที่ยังมีงานทำอยู่ดีๆ

อย่างแรก งานในโลกปัจจุบันมีความต้องการให้คนทำงานไม่หยุด จนมันกระทบต่อสุขภาพจิต และผมเคยพูดกับเพื่อนร่วมงาน คนรอบข้าง และในทุกเวทีที่ได้ไปบรรยาย ว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง เทคโนโลยีที่นำเข้ามาใช้ในการทำงาน ทำให้งานเร็วขึ้น สะดวกขึ้นก็จริง แต่ลองดูดีๆ ครับ ว่าคนทำงานหนักขึ้นมากขั้นไปอีก ทำแบบตลอดเวลา แม้เสาร์อาทิตย์ก็แทบไม่ได้หยุด

ผมขอไม่เรียกสิ่งนี้ว่า Work life integration นะครับ เพราะมันเป็นการรวมตัวกันแบบมากเกินขอบเขต และไม่ได้มีพนักงานหน้าไหนขอร้องให้มันเป็นแบบนี้ และไม่ต้องพูดถึงคำว่า Work life balance เลย เพราะมันไม่มีทาง Balance ได้แน่ๆ ครับ

สังคมออฟฟิศ ก็ไม่ใช่ว่าทุกที่จะน่าอยู่ เพราะในหลายๆ สังคมออฟฟิศนั้น ก็มีความสุดโต่งของมันเอง มีปัจจัยที่ทำให้คนไม่อยากจะทนอีกต่อไป แล้วเริ่มมองว่า ต้องการจะรักษาสุขภาพจิตของตนเองไว้จะดีกว่า

เช่น การที่ต้องไปเจอกับหัวหน้างานที่ไม่ได้มองเราเป็นมนุษย์ทำงานที่เหมือนเขา หรือมองเราแบบที่ไม่ได้น่ารักนัก แต่กลับมองเราเป็นเครื่องผลิตงาน และรีดเงินออกจากเราก็เท่านั้น และไม่ได้สอนงาน หรือ Coaching อะไร

และในสังคมออฟฟิศบางที เพื่อนร่วมงานก็ไม่ได้น่ารัก แต่ดันเข้ามามีบทบาท ในชีวิตของเราแบบที่ไม่ได้จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นมิติของการแข่งขันเอาผลงาน หรือมิติของการเข้ามายุ่งในเรื่องส่วนตัวที่ทวีคูณมากยิ่งขึ้น และเราเองก็ไม่สามารถบริหารจัดการอารมณ์ของตนเองได้ เมื่อเจอกับเรื่องกระทบทางจิตใจเหล่านั้น

อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ทุกวันนี้คนรุ่นใหม่มองว่าตนเองมีทางเลือก และสามารถสร้างช่องทางในการหาเงิน ได้อย่างหลากหลาย โดยที่รูปแบบการหาเงินไม่ได้จำเป็นต้องมาจากการนั่งทำงานออฟฟิศกินเงินเดือนเป็นเดือนๆ ไปอีกต่อไปแล้ว การที่ลาออกจากงานหนึ่งจึงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต

และสมัยนี้ หลายๆ คนเริ่มไม่ได้เอาหน้าที่การงานเอามาผูกกันกับเรื่องหน้าตาทางสังคมอีกต่อไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นหลายๆ คนมีความรู้เรื่องการบริหารจัดการทางการเงินมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน มีการวางแผนเงินเก็บเอาไว้ เลยสามารถทำให้ลาออกมาพักจากงานได้สักระยะเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง ให้ใจโล่งสบาย ดีกว่าต้องมานั่งอดทนเจออะไรซ้ำซาก และเป็นพิษต่อใจ

แต่การลาออกจากงานแบบที่ไม่มีงานรองรับเช่นนี้ ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ผิดหรือถูกนะครับ เพราะแต่ละคนมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น แต่สิ่งที่อยากจะฝากให้คิดก็คือ

เรากำลังเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อหรือเปล่า แล้วชี้นิ้วออกจากตัว

เพราะการที่เราเฝ้าลาออกจากงานอยู่บ่อยๆ ไม่น่าจะเป็นเรื่องสนุก หรือเป็นเรื่องดีสำหรับใคร แม้กระทั่งตัวเราเอง มันอาจจะส่งผลกระทบกับคนรอบข้างในสังคมการทำงานของเราด้วยก็ได้

เพราะการที่คนลาออก ต้องมีคนรับงานแทน องค์ความรู้ที่อยู่กับตัวเราเขาต้องสร้างใหม่ และถ่ายทอดใหม่ให้คนใหม่ ต้องมาเทรนคนใหม่ บลาๆๆ จึงต้องลองดูว่าเราเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไหม ด้วยตัวกรองง่ายๆ ต่อไปนี้เพื่อไม่ให้ตัวเราเองกลายเป็นคนที่เอะอะก็ลาออก

-เรามักจะเป็นฝ่ายไม่พอใจกับงานเสมอ และใครๆ ก็ไม่ได้อย่างใจเราในทุกมิติหรือไม่ และเราคือคนถูกหรือ นางเอกในท้องเรื่องเสมอ

-เรายังไม่ได้สร้างผลงานอะไรออกไปเลย ยังไม่ได้เริ่มสร้างบารมีอะไรทั้งสิ้น แต่เราก็ไม่พอใจกับอะไรไปเสียหมด

-ตอนที่เราเดินออกมา หรือกำลังพยายามจะลาออก ไม่มีใครพยายามดึงรั้งเราเอาไว้เลย

แต่ถ้าลองดูแล้วมันไม่ใช่เคสเหล่านี้ และเรายังดูแลตัวเองได้ ก็อย่าได้ไปกังวลครับ หลายคนอาจจะมองว่า Life is too short คือ ชีวิตเรามันสั้นเกินกว่าที่จะมาเสียเวลาไปกับเรื่องที่ทำให้เราทุกข์

ลองพิจารณาดูนะครับ ชีวิตเรา เรารู้ดีที่สุด และเราก็รับผิดชอบมันด้วยตัวเราเอง

อ่านเรื่องราวน่าสนใจเพิ่มเติม:


 

My Country Talks ร่วมกับสำนักข่าว TODAY ขอเชิญผู้ที่มีความสนใจ เข้าร่วมกิจกรรม The World Talks ที่จะชวนคนจากหลากหลายพื้นที่ของโลกมาแลกเปลี่ยนไอเดีย เรื่องราว มุมมอง ผ่านการสนทนาออนไลน์แบบ 1:1 ในวันที่ 25 มิ.ย. 2023

ผู้เข้าร่วมจะได้รับโอกาสพูดคุยกับผู้ที่มาจากต่างวัฒนธรรม ต่างบริบท ต่างแนวคิด โดยคัดจากการตอบคำถามในแง่มุมต่างๆ ทั้งเรื่องสภาพอากาศ รัสเซีย-ยูเครน ความเท่าเทียม ผู้อพยพ และประเด็นอื่นๆ

โดยระบบจะทำการจับคู่คุณกับคนที่มีแนวคิดไม่เหมือนกับคุณ ซึ่งอาจมาจากประเทศใดก็ได้ในโลก เพื่อที่จะได้มีโอกาสพูดคุยกันผ่านทางช่องทางออนไลน์

สำหรับกิจกรรม World Talks จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิ.ย. 2023 ปัจจุบันมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมกว่า 5,000 คน จากกว่า 100 ประเทศแล้ว

หากท่านสนใจเข้าร่วม สามารถเริ่มต้นจากการตอบคำถามด้านล่างนี้ หรือเข้าไปที่ https://www.theworldtalks.org/invite *คำถามและบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า