ทำไม ‘ไทยเวียตเจ็ท’ ถึงลุยธุรกิจใหม่ แพลตฟอร์มจองท่องเที่ยว Skyfun.travel

‘ไทยเวียตเจ็ท’ กลายเป็นอีกหนึ่งสายการบินที่คนไทยคุ้นเคยกับชื่อ คุ้นชินกับบริการ หลังจากทำตลาดในไทยมานานกว่า 8 ปี เพราะถือเป็นหนึ่งในสายการบินที่แข็งแกร่ง สู้ไม่ถอย และไม่เคยหยุดบินแม้แต่วันเดียวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ล่าสุด ‘ไทยเวียตเจ็ท’ ได้ขยับมาจับธุรกิจแพลตฟอร์มจองท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ภายใต้ชื่อ ‘Skyfun.travel’ แต่ทำไมถึงเลือกธุรกิจที่แข่งขันเดือด คู่แข่งเยอะ และวางแนวทางแบบไหนเพื่อจะอยู่ในตลาด ชวนอ่านสรุปจาก TODAY Bizview

1) สายการบินไทยเวียตเจ็ท เป็นสายการบินในเครือ ‘เวียตเจ็ท’ สายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติเวียดนาม ที่เข้ามาจดทะเบียนในประเทศไทย และเริ่มดำเนินธุรกิจในไทยในเดือน มิ.ย. 2556 ปัจจุบันเป็นสายการบินหนึ่งที่มีอายุมากกว่า 8 ปีที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทย ทั้งในเส้นทางในประเทศและเส้นทางระหว่างประเทศที่มีเวียดนามเป็นตัวชูโรง 

2) ในช่วงปลายปี 2562 ก่อนการระบาดใหญ่ ‘ไทยเวียตเจ็ท’ มีเครื่องบินทั้งหมด 11 ลำและพนักงาน 650 คนให้บริการอยู่ใน 22 เส้นทางบิน ก่อนในช่วงต้นปี 2563 จะต้องหยุดให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศทั้งหมด เนื่องจากการปิดน่านฟ้าเพื่อป้องกันโควิด ส่วนเส้นทางภายในประเทศ แม้หลายๆ สายกรบินจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันหยุดบิน เนื่องจากมาตรการการเดินทางที่ไม่ชัดเจน ไทยเวียตเจ็ทไม่ได้หยุดให้บริการเลยตลอดระยะเวลา 2 ปีของโควิด 

3) ‘วรเนติ หล้าพระบาง’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยเวียตเจ็ท บอกกับสื่อว่า “ไทยเวียตเจ็ทเป็นสายการบินเดียวภายในภูมิภาคหรือแม้แต่ภายในโลกด้วยซ้ำ ที่ขยายฝูงบินและเพิ่มจำนวนพนักงานในช่วงโควิด-19 ก่อนเกิดวิกฤตินี้เรามีฝูงบิน 11 ลำ พนักงาน 650 คน แต่ปัจจุบันมีฝูงบินเพิ่มเป็น 16 ลำ พนักงาน 900 คน”

4) แม้ว่าจะสามารถขยายธุรกิจและเพิ่มการเติบโตให้กับสายการบินอย่างต่อเนื่องได้ แต่ว่าแนวโน้มรายได้และขาดทุนของไทยเวียตเจ็ทดูเหมือนจะถดถอยกลับไปเล็กน้อย เพราะมีรายได้ลดลงและขาดทุนเพิ่มขึ้นมากในช่วง 2 ปีโควิด

ผลประกอบการย้อนหลัง บริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต๊อค จำกัด 

2564 รายได้ 3,483 ล้าน ขาดทุน 3,955 ล้าน

2563 รายได้ 3,230 ล้าน ขาดทุน 2,141 ล้าน

2562 รายได้ 4,274 ล้าน ขาดทุน 1,731 ล้าน

2561 รายได้ 2,503 ล้าน ขาดทุน 1,698 ล้าน

2560 รายได้ 1,076 ล้าน ขาดทุน 565 ล้าน

5) พอรวมเข้ากับ ‘ประสบการณ์’ ในอุตสาหกรรมการบินที่มีความเสี่ยงและความผันผวนสูง จากหลายปัจจัยแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด สงคราม ราคาน้ำมัน ฯลฯ แล้ว จึงไม่แปลกที่ ‘ไทยเวียตเจ็ท’ จะมองหาโอกาสในการขยายพอร์ตฟอลิโอ ลดความเสี่ยงจากการทำธุรกิจสายการบินเพียงอย่างเดียว และตัดสินใจเพิ่มธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างสมดุลให้กับพอร์ต 

6) สุดท้าย ต้นเดือน ก.ค. 2565 สายการบินไทยเวียตเจ็ท จึงได้ตัดสินใจเปิดตัว ‘Skyfun.travel’ (สกายฟันดอททราเวล) แพลตฟอร์มจองสินค้าและบริการทางด้านการท่องเที่ยว (Online Travel Agent : OTA) เป็นธุรกิจใหม่ในเครือที่สายการบินไทยเวียตเจ็ทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 99% โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5 ล้านบาท 

7) ‘Skyfun.travel’ จะมีบริการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม แพ็คเกจทัวร์ กิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ โดยสามารถใช้บริการ ‘Skyfun.travel’ ได้ทั้งในรูปแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน (จะเปิดบริการภายในปลายปีนี้) รวมถึงชู ‘จุดขาย’ ที่แตกต่างกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ในตลาด อย่าง ‘แชทตอบเรื่องเที่ยว’ ที่จะมีแอดมินประจำตั้งแต่เช้าจนถึงดึก (8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม) ทุกช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไลน์ เพื่อตอบคำถามระหว่างท่องเที่ยวของลูกค้า เรียกว่าเป็น After-sales หรือบริการหลังการขายที่แตกต่างกับ OTA เจ้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด

8) ทำให้ ‘Skyfun.travel’ ตั้งใจที่จะใช้จุดเด่นนี้เป็นจุดขาย วางโพสิชันตัวเองเป็น ‘เพื่อน’ ของเหล่า ‘นักเดินทาง’ เลยเลือกใช้สโลแกน Every traveler’s best friend! หรือว่า สกายฟันจะเป็น “เพื่อนของนักเดินทางทุกคน!” โดยยืนยันว่าในอนาคตจะเพิ่มเจ้าหน้าที่แอดมินอีกและขยายเวลาตอบแชทช่วยนักเดินทางเป็น 24 ชม. และเร่งพัฒนาระบบเอไอให้สามารถส่งข้อความอัตโนมัติแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือกิจกรรมให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และโลเคชัน

9) อีกอย่างที่สอดคล้องกับจุดเด่นของไทยเวียตเจ็ทอยู่แล้ว คือ นอกจากประสบการณ์แล้ว ‘Skyfun.travel’ ยังเน้นเรื่องความคุ้มค่า จัดแพ็คเกจในราคาสุดคุ้ม ทำโปรโมชันส่งเสริมการขายให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย อย่างเช่นแพ็คเกจฟุกุโอกะ 5 วัน 3 คืนในราคา 19,990 บาท หรือแพ็คเกจเที่ยว 1 วัน บานาฮิลล์ เวียดนาม ในราคา 2,900 บาท และยังสามารถใช้ fun coin ที่ได้รับ 1 coin ต่อยอดใช้จ่าย 10 บาท มาเป็นส่วนลดเพิ่มเติมได้อีก

10) ตอนนี้ ‘Skyfun.travel’ มีบริการจองสายการบินทั้งหมด 11 สายการบินใน 48 เส้นทางสู่ 11 ประเทศ มีเครือข่ายโรงแรมมากกว่า 30 โรงแรม และแพ็คเกจมากกว่า 100 แพ็คเกจ โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 20 สายการบิน 200 เส้นทาง โรงแรมมากกว่า 2,000 โรงแรม และแพ็คเกจที่สามารถปรับเลือกตามความต้องการของลูกค้าได้ในหลักล้านภายในสิ้นปีนี้

11) ส่วนกลุ่มเป้าหมาย ‘Skyfun.travel’ วางว่าจะเจาะตลาดไทยและเอเชีย อย่างเช่นเวียดนาม สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ โดย ‘ปิ่นยศ พิบูลสงคราม’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอกว่า คาดหวังรายได้ 200-300 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ และคิดว่าจะสามารถเริ่มทำกำไรได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า

12) และถึงแม้ว่าตลาดแพลตฟอร์มจองท่องเที่ยวออนไลน์จะมีเจ้าตลาดโลก เจ้าตลาดเอเชีย และสายการบินที่ลงมาทำธุรกิจแพลตฟอร์มอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนผู้บริหารของสกายฟันจะมองว่า “เป็นคนละตลาดกัน” เพราะอย่างแอร์เอเชียนั้นดูจะมุ่งหน้าเป็น ‘ซูเปอร์แอป’ เต็มตัวมากกว่าเป็น OTA

ส่วนตลาด OTA ที่มีเจ้าตลาดระดับโลกและภูมิภาคอยู่แล้ว ‘Skyfun.travel’ หวังจะไต่ขึ้นสู่ท็อป 3 ของไทยให้ได้ภายใน 3 ปีแรกก่อน ส่วนจะปรับความคาดหวังขึ้นอีกไหมเป็นเรื่องของอนาคต แต่ถ้าหากพิจารณาความแข็งแกร่งของ ‘Skyfun.travel’ ที่มี ‘เครือเวียตเจ็ท’ หนึ่งในสายการบินที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นลมใต้ปีกแล้ว ความน่าจับตาของ OTA น้องใหม่รายนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า