SHARE

คัดลอกแล้ว

มอบตัวแล้ว 2 โจ๋วินรถจักรยานยนต์ ที่ทำร้ายร่างกาย รปภ. ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต จนได้รับบาดเจ็บ ยอมรับผิดและขอโทษสังคม ลั่นต่อไปนี้ก็จะทำใจให้เย็นลงและจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น

จากกรณี นายสุชาติ อายุ 54 ปี รปภ. ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้ว่ากล่าวตักเตือนที่วินจักรยานยนต์รับจ้าง คือ นายบอล หลังเข้ามาในพื้นที่โดยไม่สวมหมวกกันน็อกตามกฏของมหาวิทยาลัย จากนั้น นายบอลได้ถอดเสื้อวินออก พร้อมกับขับรถกลับไปตามเพื่อนมาอีกคนคือ นายอาร์ม เพื่อรุมทำร้ายนายสุชาติ จนเจ้าหน้าที่ รปภ. คนอื่นๆ และกลุ่มวินรถจักรยานยนต์ต้องออกมาช่วย ทั้งนี้ นายสุชาติ พบว่ามีบาดแผลศีรษะแตกเย็บ 2 เข็ม ปลายคางฝั่งซ้ายช้ำ ที่ลำตัวซ้ายฟกช้ำ

วันนี้ (20 พ.ย. 62) ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ได้ลงพื้นที่ไปที่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณหอพักแห่งหนึ่ง ซึ่งติดกับประตูเชียงราก 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พบว่า หนึ่งในคนขับวินจักรยานยนต์ รับจ้างแห่งนี้ ยังให้ข้อมูลสำคัญกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่า นายอาร์ม หนึ่งในคนที่ไปมีเรื่องกับ รปภ. นั้นเพิ่งย้ายมาขับวินบริเวณนี้ได้ไม่ถึง 1 ปี แต่ที่ผ่านมามักจะชอบทำตัวเป็นอันธพาล เนื่องจาก นายอาร์ม เป็นลูกเขยหัวหน้าวิน จยย. จึงไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะไม่อยากมีเรื่อง เกรงว่าจะถูกหัวหน้าวินไล่ออก ส่วนเสื้อวินเบอร์ 0 นั้น เป็นหมายเลขที่ผิดระเบียบของขนส่ง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลองมาตรวจสอบว่าเพราะเหตุใดนายอาร์มถึงสามารถใส่ทำงานได้มาเกือบ 1 ปีโดยไม่มีปัญหา

นอกจากนี้ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ยังได้ไปสอบถาม นายภูริชนินทร์ กลิ่นบุญ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เล่าว่า เมื่อ 2 วันก่อน นายอาร์ม วินเบอร์ 0 ได้มีพฤติกรรมขับรถย้อนศรและไม่สวมหมวก ก่อนจะไปเฉี่ยวชนกับรถโดยสารประจำทางสาย 510 ภายในมหาวิทยาลัยมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งเมื่อ รปภ.เข้าไปว่ากล่าวตักเตือน กลับถูกนายอาร์มพยายามนำท่อนไม้จะเข้ามาทำร้ายพร้อมบอกว่า “เดี๋ยวจะทุบให้ตาย” ซึ่งเป็นที่เอือมระอาของนักศึกษา และเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก เพราะนายอาร์มมักสร้างพฤติกรรมลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งอยู่บริเวณชุมชนแห่งหนึ่งใน ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านของนายบอล หนึ่งในผู้ก่อเหต เบื้องต้นพบแต่เพียงน้องชายของนายบอล ที่ชี้แจงว่าตนเองยังไม่ทราบกรณีที่พี่ชายตนไปก่อเรื่องไว้ และนายบอลก็ไม่ได้กลับบ้านมาที่บัานตั้งแต่เมื่อวานนี้ จึงทำให้ทางบ้านยังไม่ทราบละเอียดที่เกิดขึ้น

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน ได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง มาร่วมให้ข้อมูลและชี้แจงกับเรื่องราวทั้งหมด โดยบอกว่าสาเหตุที่ต้องมีมาตรการบังคับให้สวมหมวกกันน๊อคขี่รถ จักรยานยนต์ในมหาวิทยาลัยนั้น สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้มีนักศึกษานั่งซ้อนท้ายวินจักรยานยนต์รับจ้างและเกิดอุบัติเหตุจนถึงขั้นผ่าตัดสมองมาแล้ว 2 ครั้ง ประกอบกับการได้รับรายงานถึงพฤติกรรมการขับขี่ของวิน จยย.ค่อนข้างอันตราย จึงต้องมีคำสั่งบังคับใช้ให้เข้มงวดเพิ่มขึ้น ส่วนกรณีของวินจักรยานยนต์ 2 รายที่ก่อเหตุทำร้าย รปภ. จนบาดเจ็บ เบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยต้องข้อสงสัยว่าไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้อย่างถูกต้องกับกรมการขนส่งทางบกหรือไม่ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ พร้อมกับนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้ โดยไม่มีการยกเว้น เพราะถือว่าเป็นเรื่องอุกอาจที่เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา

ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายอาร์ม อายุ 28 ปี และ นายบอล อายุ 25 ปี ได้เข้ามามอบตัวกับตำรวจเอง โดยด้าน นายอาร์ม ยอมรับว่า ” เขากับเพื่อนยอมรับผิดทุกอย่าง และอยากจะขอโทษลุง รปภ. ด้วยที่ใจร้อนมากเกินไปและเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับวินรถจักรยานยนต์คันอื่นๆ ส่วนเรื่องของเสื้อวินนั้นกำลังทำเรื่องขึ้นทะเบียนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามพร้อมยอมรับผิดทุกอย่างและขอโทษสังคมที่ทำเรื่องไม่ดีขึ้นมา ต่อไปนี้ก็จะทำใจให้เย็นลงและจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ” เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ”

ด้านนางนวินดา หัตถาพันธ์ เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดปทุมธานี บอกว่าหลังจากเกิดเรื่องขึ้นทางขนส่งจังหวัดปทุมธานีก็ได้มาลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและเก็บข้อมูลในส่วนของรถจักรยานยนต์ที่ยังไม่ได้ทำป้ายทะเบียนเป็นรถสาธารณะนั้นทางเราก็เร่งรัดตรวจเช่นกัน ส่วนการขึ้นทะเบียนรถจักรยานยนต์และเสื้อวินทางด้านอำเภอแต่ล่ะที่จะเข้ามาดูแลในด้านนี้ เพราะว่าในจังหวัดปทุมธานีมีวินจักรยานยนต์รับจ้างเป็นจำนวนมากทางขนส่งจังหวัดปทุมธานีก็เร่งรัดตรวจสอบอยู่

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า