เจาะโปรเจกต์แอปฯ T-POP จาก SCB10X x WORKPOINT “ความฝันพาบันเทิงไทยเติบโตแข็งแรง”

ถือว่าเป็นเวลาหลายปีที่ ‘T-POP’ เงียบเหงาและซบเซา ก่อนจะเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังการกลับมาของ ‘T-POP Stage’ รายการแสดงสดที่เปิดโอกาสให้ศิลปินในวงการเพลงไทยมีพื้นที่ในการแสดงผลงานผ่านทั้งโทรทัศน์ดิจิทัลและออนไลน์อีกครั้ง

และเพราะ “ความฝันพาอุตสาหกรรมบันเทิงไทยเติบโตแข็งแรง” จึงเกิดการต่อทางธุรกิจสู่โปรเจกต์ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมอย่าง ‘T-POP’ แพลตฟอร์มที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางคอมมูนิตี้ของแฟนคลับศิลปินไทย ภายใต้โมเดลธุรกิจร่วมลงทุนระหว่าง SCB 10X และ WORKPOINT ในนามบริษัท T-POP INCORPORATION

TODAY Bizview เปิดใจ 2 ผู้บริหารอย่าง ‘กร-ชลากรณ์ ปัญญาโฉม’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัลทีวี บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ CEO ของ T-POP INCORPORATION และ ‘ต้อง-เดชพล แหลมวิไล’ Head of Strategic Partnership จาก SCB 10X มาเจาะทุกรายละเอียดของโปรเจกต์ T-POP ที่อยากจะพาศิลปินไทยไปสู่ระดับโลก

จุดเริ่มต้นจากความหวังให้บันเทิงไทยเติบโต

‘ชลากรณ์’ เริ่มต้นเล่าว่า จริงๆ จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ T-POP ในเชิงส่วนตัวเลยมันเริ่มจากการได้พูดคุยกับแรปเปอร์ระดับโลกคนหนึ่งในงานนำเสนอด้านดิจิทัลระดับโลก แรปเปอร์คนนั้นเล่าว่าเขารู้จักรายการเดอะแรปเปอร์และดูจริงจัง ตอนนั้นเราเลยได้รู้ว่าถ้าเราทำงานออกมาให้ดี งานเราก็สามารถเป็นที่รู้จักในหมู่คนต่างชาติได้ ตอนหลังพอเรากลับมานั่งคิดแล้ว เราก็เห็นว่าเราสามารถทำอุตสาหกรรมบันเทิงไทยให้ไปต่างประเทศได้

แต่สำหรับรายการที่เวิร์คพอยท์ถนัดอย่างรายการวาไรตี้หรือวิดีโอคลิปต่างๆ มีกำแพงหลายอย่าง ทั้งกำแพงวัฒนธรรมและภาษา บางครั้งไม่เข้าใจมุก ไม่เข้าใจภาษา หรืออย่างภาพยนตร์ก็มีกำแพงภาษาขนาดใหญ่เหมือนกัน แต่ ‘อุตสาหกรรมเพลง’ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดในบรรดาอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งหมด

“อย่างเวลาเราฟังเพลง เราไม่ต้องเข้าใจก็ได้ เราก็สามารถสนุกไปกับมันได้ โชคดีอีกอย่างที่เวิร์คพอยท์ไม่ได้ทำเพลงเป็นหลัก พอเรามาสร้างคอมมูนิตี้มันก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพราะคนไม่ได้ห่วงว่าเราจะมาทำค่ายเพลงแข่งกับใคร จุดประสงค์เราคืออยากทำคอมมูนิตี้ให้ใหญ่ ดึงทุกคนมาร่วมกันสร้างวงการให้แข็งแรง แล้วถ้ามีผลประโยชน์อะไรก็แชร์กัน แบ่งกัน เดี๋ยวเราก็จะช่วยกันสร้างคอมมูนิตี้ขึ้นมาได้เอง”

“จุดเริ่มต้น คือ เราคาดหวังให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยสามารถเติบโตไปนอกประเทศได้อย่างแข็งแรงยาวๆ ที่ผ่านมามันเหมือนจะไปได้ แต่ไปได้แล้วก็หยุด ไปได้แล้วก็หยุด ความคาดหวังของเราแค่อยากจะให้มีศิลปินสักกลุ่มหนึ่งที่สามารถไปดังในต่างประเทศได้จากการผลักดันคอมมูนิตี้ครั้งนี้ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว แล้วที่เหลือจะตามมาเองทั้งศิลปินที่ประสบความสำเร็จกลุ่มอื่นๆ และคอมมูนิตี้”

ความท้าทายในฐานะผู้เล่นคนแรกและคนเดียว

สำหรับความท้าทายในการเป็นผู้เล่นคนแรกและคนเดียวนั้น ‘ชลากรณ์’ อธิบายว่า โมเดลธุรกิจในลักษณะแบบนี้มีคนคิดจะทำและพยายามทำมาตลอด คนที่เข้ามาทำแล้วและเลิกไปแล้วก็ยังมี แต่ถือเป็นโชคดีของเราที่ได้ SCB 10X มาช่วย เพราะได้ความชำนาญทางด้านเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมความถนัดทางด้านบันเทิงที่เป็นพื้นฐานของเวิร์คพอยท์ เราเชื่อว่าความร่วมมือกันจะทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นหลากหลายขึ้น แต่เราเองก็คิดว่าอาจจะมีผู้เล่นคนอื่นโดดเข้ามาด้วยได้หลังจากนี้

“ตอนนี้เองในระดับประเทศก็มีคนในอุตสาหกรรมทำกันอยู่แล้ว แต่ในระดับโลก T-POP เราขาดความต่อเนื่อง มาวูบๆ แล้วก็หายไปตลอด โดยไม่รู้แน่ว่าเป็นเพราะอะไรกัน อาจจะเป็นเพราะว่าการสนับสนุนที่ไม่ถูกที่ถูกทางทำให้ขาดความต่อเนื่อง หลายครั้งวงการบันเทิงระดับโลกก็รู้จักคนไทย แต่เขารู้จักคนไทยแค่บางคน อย่างวงการทีวีก็รู้จักเวิร์คพอยท์จากไทยแลนด์ วงการภาพยนตร์ก็รู้จักโต้ง บรรจง บาส ฉลาดเกมโกง หรือจา พนม หรือว่ามาเป็นวูบๆ แต่ชื่อของประเทศไทยยังไม่สามารถไปอยู่ตรงนั้นได้”

“บางครั้งเรายังคุยกันเลยว่าเวลาพูดถึง T-POP แล้ว คนต่างชาติจะคิดถึงไทยหรือไต้หวัน ดังนั้น มันอาจจะแปลว่าแบรนด์ประเทศไทยก็จะต้องถูกสร้างเหมือนกันนะ เพราะอย่างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยโดดเด่นมาเลย แต่อย่างอื่นไม่ได้โดดเด่นเท่ากับท่องเที่ยว แต่ถ้าครั้งนี้เรามารวมกันเป็นก้อนใหญ่ๆ สนับสนุนกันให้ถูกที่ถูกทางและต่อเนื่อง จริงๆ ไม่ว่าพูดถึงประเทศไหนมันก็อยู่ที่รัฐด้วย รัฐต้องออกแรงเรื่อยๆ ต่อเนื่องและถูกที่ถูกทาง”

‘ชลากรณ์’ เสริมว่า วงการบันเทิงเกาหลีเองรัฐก็สนับสนุนจริงจังและยาวนาน ในเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาเขาก็เปลี่ยนแปลงไปมาก จนสามารถขยับไปสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาได้แล้ว สำหรับประเทศไทยจะกลายเป็นแบบเกาหลีได้ไม่ง่าย เราต้องเริ่มจากการทำแบรนด์ก่อน สิ่งที่ฝั่งเอกชนทำได้คือการสร้างคอมมูนิตี้ให้มันแข็งแรง เข้ามาตรฐาน”

T-POP ปล่อยเฟสแรกแล้ว

‘ชลากรณ์’ เล่าต่อว่า จริงๆ แล้วโปรเจกต์ T-POP ได้เริ่มต้นเฟสแรกไปแล้วเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยการปล่อยให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน T-POP ภายในประเทศไทย ก่อนจะสามารถดาวน์โหลดได้ทั่วโลกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยถือว่าอยู่ในระยะเริ่มต้นมากๆ ตอนนี้เป็นเสมือนกับสารานุกรมศิลปิน เปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาติดตามศิลปินไทยที่ชอบ ตอนนี้มีศิลปินหลายพันแล้วและกำลังเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีการอัปเดตข่าวสารผ่านแอปฯ พร้อมเปิดให้โหวตศิลปินในรายการ T-POP Stage โดย T-POP ต้อนรับศิลปินไม่จำกัดค่ายและพร้อมจะเชื่อมต่อกลับไปที่โซเชียลมีเดียของค่ายและศิลปิน

ส่วนในอนาคตนั้นก็จะมีฟีเจอร์อื่นๆ เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งการเปิดให้ศิลปินเข้ามาเปิดฟันดิ้งเพื่อใช้ในการทำเพลง รวมถึงการจัดเฟสติวัลทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงฟังก์ชันที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์อื่นๆ ด้วย เพื่อตอบรับความต้องการของคนเจน Z ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ T-POP

“ในส่วนของเฟสแรก เราอยากให้มันมีพื้นที่ของศิลปินก่อน เพราะพื้นที่ของศิลปินหายไปนานแล้ว พอมีพื้นที่ก็จะมีที่ให้แฟนๆ เขาได้ตาม ต่อไปเราก็จะสร้างให้มันเป็นคอมมูนิตี้ใหญ่ๆ ไว้ แล้วค่อยวางแผนขยายคอมมูนิตี้และบริการต่อ แต่ตอนนี้หลักๆ เราต้องทำอุตสาหกรรมให้แข็งแรง อย่างน้อยที่สุดศิลปินเขาได้มีพื้นที่ให้แฟนๆ เขาได้เห็น ได้เจอ ได้สื่อสารกับแฟนๆ”

เหตุผลที่ SCB 10X เลือกลงทุนใน T-POP

ด้าน ‘เดชพล แหลมวิไล’ Head of Strategic Partnership บริษัท เอสซีบี เท็นเอ็กซ์ จำกัด เล่าในส่วนการตัดสินใจของ SCB 10X ว่า เพราะภายใต้หมวกของ SCB 10X นั้น หนึ่งในนิเวศที่เราโฟกัสก็คือ ‘ดิจิทัลไลฟ์สไตล์’ (digital lifestyle) และ ‘ดิจิทัลคอนเทนต์’ (digital content) ยิ่งสำหรับ ‘วงการเพลงและบันเทิง’ เป็นสิ่งที่ไม่มีกำแพง สามารถเข้าถึงได้ง่าย ส่งออกไปต่างประเทศได้ขอเพียงแค่พื้นที่เหล่านั้นสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

นอกจากนั้น ธุรกิจบันเทิงเวลาดูจนติดแล้วก็จะดูเรื่อยๆ เหมือนกับเวลาคนเราติดยูทูบ ติดเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม ผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลากับโซเชียลมีเดียมากและมีเอนเกจเมนท์มากตลอดเวลา ถ้ามองแค่ในแง่วางโฆษณาก็สามารถทำรายได้ได้มากแล้ว ขอเพียงแค่มีสเกลที่เหมาะสม

ดังนั้น จึงหมายความว่ามีโอกาสที่ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ทำเรื่องวงการเพลงจะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และทำให้ T-POP มีโอกาสที่จะเป็น ‘ยูนิคอร์น’ หรือเป็น ‘ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ’ ด้วยโมเดลที่ยั่งยืนได้ในอนาคต

หนุนด้านเทคโนโลยี-การชำระเงิน

“จริงๆ ต้องบอกว่า SCB 10X เราก่อตั้งขึ้นมาด้วยมิชชันที่เราพยายามจะสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ที่มีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด สิ่งสำคัญที่จะผลักดันสิ่งเหล่านั้นให้เกิดขึ้นได้ก็คือ ‘เทคโนโลยี’ หรือว่าแพลตฟอร์มอย่างที่เราเรียกกัน เราจึงจะนำประสบการณ์ ทีมงาน แล้วก็แหล่งความรู้ความสามารถของทีม 10X มาสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มให้มันสามารถสเกลได้ต่อไปในอนาคต”

‘เดชพล’ เสริมว่า อีกอันหนึ่งก็คงเป็นความรู้ด้านการเงินการธนาคารที่เป็นรากฐานเดิมของ SCB เราถนัดพัฒนาด้านการชำระเงิน เพื่อเป็นฟันเฟืองที่จะช่วยพัฒนาธุรกิจต่อไปในอนาคต รวมถึงอนาคต T-POP ก็จะต้องทำการระดมทุน ทีม 10X ในฐานะ Venture Capital รู้ว่านักลงทุนมองหาอะไรในธุรกิจ  

เจน Z คือคีย์ชาเลนจ์ของ T-POP

เพราะวงการเพลงหรือ T-POP มีกลุ่มเจน Z เป็นผู้ฟัง ‘เดชพล’ จึงมองว่า “เจน Z เป็นคีย์ชาลเลนจ์ของการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัล เราต้องเข้าใจเด็กเจน Z ให้ได้ แล้วออกแบบประสบการณ์ให้ตรงกับความเข้าใจของเขา ถ้าเราสามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้”