3 พรรคฝ่ายค้าน ยันลุยศึกเลือกตั้งปีหน้า หลัง ‘ประยุทธ์’ ได้อยู่ต่อ พร้อมแก้รัฐธรรมนูญใหม่

workpointTODAY LIVE เปิดวงสนทนากับแกนหลักของพรรคฝ่ายค้านหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ไปต่อ กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์พรรคเสรีรวมไทย และอดีต กกต.

โดยท่าทีของ 3 พรรคฝ่ายค้าน ยืนยันลุยหาเสียง พร้อมเลือกตั้งครั้งหน้า ‘เพื่อไทย’ มองทำแลนด์สไลด์ง่ายขึ้น ด้าน ‘ก้าวไกล’ ขอพ่วงทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญวันเดียวกับเลือกตั้ง ขณะที่ ‘สมชัย’ ย้ำจุดยืนส่วนตัวต้องชูหาเสียยงไม่ร่วมกับพรรคที่เอา ‘พล.อ.ประยุทธ์’

นพ.ชลน่าน พรรคเพื่อไทย มองว่า การวินิจฉัยครั้งนี้ส่งผลบวกกับพรรคเพื่อไทย  ที่รณรงค์เรื่องแลนด์สไลด์ เพื่อจะได้มีโอกาสเข้ามาแก้ปัญหาให้กับประชาชน เพราะเหตุผลที่ทำให้แลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยได้ผลบวกในทุกๆ ครั้งช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะประชาชนรับไม่ได้กับการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี พูดง่ายๆ คือเบื่อ เบื่อพล.อ.ประยุทธ์ เบื่อผลงาน เบื่อโอกาสที่เขาควรจะได้รับ ทำให้เรามีโอกาสในการรณรงค์หาเสียงมากขึ้น ประชาชนก็จะมีโอกาสในการตัดสินในวันลงคะแนนในการเลือกตั้ง

“ในมุมของประชาชนทั่วไป รู้สึกประเทศเราก็เหมือนพายุโนรูเข้า คือเราไม่มีทางออก จะตีบตันเรื่องของการใช้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติ Rule of law” นพ.ชลน่าน กล่าว

ขณะที่ นายพิธา พรรคก้าวไกล คิดว่าความบอมช้ำของบ้านเมือง สามารถแก้ไขด้วยระบบประชาธิปไตย คือมีการเลือกตั้ง แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่พอ คิดว่าเราต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ด้วย เลือกตั้งใหม่และรัฐธรรมนูญใหม่ 2 สิ่งนี้ที่จะทำให้ประเทศไทยกลับมามีอนาคตอีกครั้งหนึ่ง ธงของพรรคก้าวไกล แน่นอนว่าคือสู้ศึกเลือกตั้ง และการทำประชามติ รวบรวมเสียงของประชาชนก้าวข้าว ส.ว. เพราะไม่ว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเก่งแค่ไหน แต่ถ้ายังอยู่ในระบบแบบเดิมก็ไม่เปลี่ยน ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนขั้ว

พรรคก้าวไกล ทำแคมเปญ  “รีเซตประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รธน.ใหม่” https://www.resetthailand.org ถาม 1 คำถามสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ฉบับปัจจุบัน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน?” ทั้งนี้เพื่อประหยัดงบประมาณ และเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมาถึง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนกติกาประเทศ เราจะเสนอให้จัดประชามติในวันเดียวกับ วันเลือกตั้ง ส.ส.ไม่เกินเดือน พ.ค. 66

ด้าน นายสมชัย พรรคเสรีรวมไทย บอกว่า ต้องยอมรับในเรื่องการทำประชามติไม่ว่าจะมาจากช่องทางใดต้องไปจบด้วยการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบด้วย ดังนั้นการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ คือแผน A ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ขึ้นอยู่ว่าครม.จะเอาด้วยหรือไม่ ตนมองว่า อะไรที่เสียเปรียบเขาไม่ทำแน่นอน ดังนั้นแผน B ต้องชนะการเลือกตั้งให้ได้ ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนซีกเปลี่ยนฝั่งให้ประชาชนรู้อย่างจริงจังว่าต้องเลือกฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลปัจจุบัน ส่วนการหาเสียงคิดว่า สิ่งหนึ่งที่ตรงกันของฝ่ายค้านคือร่างรัฐธรรมนูญโดยประชาชน

นายสมชัย ออกตัวว่า ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคเสรีรวมไทย จึงยังตอบแทนไม่ได้ แต่ต้องมีการชูประเด็นหาเสียงให้ชัดว่า จะไม่จับมือกับพรรคที่สนับสนุนเผด็จการหรือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เด็ดขาด ส่วนพรรคที่ชู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณนั้น เป็นคนละเรื่องกัน ตนไม่แน่ใจว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ แต่พล.อ.ประยุทธ์ รังเกียจนักการเมืองแต่ก็ไปร่วมมือให้ตัวเองมีอำนาจ แต่พล.อ.ประวิตร อยู่ในกลุ่มฝ่ายการเมืองมากกว่า มีท่าทีที่อ่อน ถ้าถามตนไม่เอาประยุทธ์แน่นอนแต่เอาประวิตรหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องถกกัน

คาดการณ์ตัดสินใจยุบสภา-ลาออก

นพ.ชลน่าน เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจยุบสภาหลังเสร็จสิ้นการจัดงานเอเปค ส่วนนายสมชัย เชื่อว่า ต้องเกิดก่อนสิ้นเดือน ม.ค. 66 ไม่เช่นนั้นอาจจะมี ส.ส. ทยอยลาออก 40-50 คน แต่ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ที่ฝ่ายตนได้เปรียบ ส่วนนายพิธา มองว่า สิ่งที่ดีที่สุด ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจลาออก น่าจะเป็นการเปิดทางออกให้ประชาชนมากที่สุด เพราะการยุบสภากับเวลาที่จะครบเทอมไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่

คลิปสัมภาษณ์เต็ม :