สรุปไฮไลต์งาน WWDC แอปเปิลเปิดตัว MacBook Air ชิปใหม่ M2, ระบบ iOS 16 กับการตกแต่ง Lock Screen ได้ตามใจ

สาวกแอปเปิลรอคอยงานเปิดตัวฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใหม่ประจำปีของแอปเปิลคืองาน WWDC ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเที่ยงคืนวันที่ 7 มิ.ย. เวลาไทย เป็นการจัดงานแบบเชิญคนเข้ามาร่วมงานจริงๆ ที่ Apple Park หลังเกิดโควิดเลยด้วย 

และเช่นเคยที่ครั้งนี้ แอปเปิลได้เปิดตัวทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใหม่ครบ จะมีอะไรบ้าง เราสรุปมาให้แล้วในบทความนี้ 

ชิป M2 ใหม่ ใช้ครั้งแรกใน MacBook Air และ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว

เริ่มที่พระเอกของเราคือชิปใหม่ M2 ชิปเจเนอเรชั่น M รุ่นที่ 2 ของแอปเปิล  ถือเป็นชิปที่แรงที่สุดของแอปเปิลตอนนี้ ที่แอปเปิลบอกว่าโดดเด่นทั้งประสิทธิภาพ และการประหยัดพลังงาน 

ชิป M2 เพิ่มความสามารถการประมวลผลวิดีโอหนักๆ มีแบนด์วิดท์สำหรับหน่วยความจำแบบรวม 100GB/s และรองรับหน่วยความจำแบบรวมขนาดสูงสุด 24GB ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเร็วให้กับเวิร์กโฟลว์ด้านวิดีโอ สามารถเล่นวิดีโอระดับ 4K และ 8K ได้หลายสตรีมยิ่งขึ้น

และฮาร์ดแวร์กลุ่มแรกที่ใช้ชิป M2 คือ  MacBook Air ที่เปิดตัวด้วยดีไซน์ใหม่ บางและน้ำหนักเบากว่าเดิม บาง 11.3 มม. น้ำหนัก 1.24 กก. จอภาพ Liquid Retina ขนาด 13.6 นิ้ว ที่ขยายส่วนขอบมากกว่าเดิมทำให้ได้พื้นที่หน้าจอกว้างขึ้น 

และด้วยความสามารถชิป M2 นี้ ช่วยให้   MacBook Air ตัดต่อไทม์ไลน์ที่ซับซ้อนใน Final Cut Pro เร็วขึ้นสูงสุดเกือบ 40%, ใส่ฟิลเตอร์และเอฟเฟ็กต์ในแอปอย่าง Adobe Photoshop เร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนสูงสุด 20%, เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง

ที่น่าสนใจคือ แอปเปิลนำระบบชาร์จที่เป็นเอกลักษณ์กลับมา ซึ่งก็คือ  MagSafe ซึ่งแอปเปิลบอกว่าเป็นระบบชาร์จที่ช่วยป้องกันตัวเครื่อง เพราะสายชาร์จจะหลุดออกอย่างรวดเร็วหากถูกดึงโดยไม่ตั้งใจ 

นอกจาก MacBook Air แล้ว ยังมี MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ที่จะได้อัพเกรดใช้ชิป M2 ด้วย 

iOS 16 เพิ่มลูกเล่นครั้งใหญ่ใน Lock Screen 

มาที่ฝั่งซอฟต์แวร์กันบ้าง ในงาน WWDC แอปเปิลได้เผยให้เราดูพรีวิวว่าระบบปฏิบัติการใหม่ iOS 16 ที่จะเปิดตัวในอนาคต มีของใหม่อะไรให้เราได้ใช้บ้าง 

เริ่มที่หน้าจอล็อกแบบใหม่ ที่เราเลือกออกแบบได้ตามใจตัวเอง เช่น เพิ่มวิดเจ็ตมาไว้ที่หน้าจอล็อกได้ ให้วิดเจ็ตนาฬิกาอยู่หลัง object หรือวัตถุในรูปหน้าจอล็อกได้ ใส่เอฟเฟกต์ความลึกให้ภาพ เปลี่ยนฟอนต์นาฬิกาได้ เป็นต้นถือเป็นการเพิ่มลูกเล่นครั้งใหญ่ ครั้งแรกให้กับหน้าจอล็อกสกรีนบน iPhone เลยก็ว่าได้

ครั้งนี้แอปเปิลยังย้ายการแจ้งเตือนมาไว้ที่ด้านล่างของจอ เพื่อไม่ให้บดบังความสวยงามและลูกเล่นใหม่ๆ ที่เราเพิ่มเข้าไปด้วย 

ลูกเล่นบนหน้าจอล็อกสกรีนยังไม่หมดแค่นี้ เพราะมันยังทำงานร่วมกับโหมดโฟกัสได้ด้วย สามารถเปิดโหมดโฟกัสได้ตั้งแต่หน้าจอล็อก 

กำหนดภาพพื้นหลังและวิดเจ็ตบนหน้าจอล็อคให้เข้ากับโหมดโฟกัสของเราได้ และยังทำให้ให้แอปต่างๆ เช่น แอปปฏิทิน แอปเมล แอปข้อความ และ Safari แสดงผลเฉพาะเนื้อหาที่สัมพันธ์กับโหมดโฟกัสของเรา 

ถือเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยให้เราปรับแต่งสิ่งต่างๆ บนเครื่องได้ละเอียดและเหมาะกับไลฟสไตล์ตัวเองมากขึ้น 

และแม้เราจะยังแก้ไขข้อความบนทวิตเตอร์ไม่ได้ แต่เราสามารถทำได้แล้วในแอป Messages และสามารถแก้ไขหรือเรียกคืนข้อความที่เพิ่งส่งออกไป กู้คืนข้อความที่เพิ่งลบทิ้งไป และทำเครื่องหมายการสนทนาให้เป็นสถานะยังไม่ได้อ่าน เพื่อจะได้ย้อนกลับมาอ่านในภายหลัง

iPadOS 16 ที่ยังไม่มีแอปเครื่องคิดเลขสักที 

ครั้งนี้แอปเปิลเพิ่มฟีเจอร์การทำงานใน iPadOS  สอดคล้องกับพฤติกรรมคนที่ใช้แท็บเล็ตในการทำงานมากขึ้น 

เริ่มจากฟีเจอร์ Share สามารถใช้ปุ่มแชร์ในไฟล์, Keynote, Numbers, Pages, Notes, Reminders และ Safari แล้วแชร์การเข้าถึงผ่านข้อความไปยังคนอื่นๆ ได้ (เหมือนกับที่เราแชร์ลิงค์แชร์ไฟล์ใน Google Workspaces) ช่วยให้ง่ายขึ้นสำหรับคนใช้อีโคซิสเต็มแอปเปิลในการแชร์งานไปหาคนอื่น 

อีกหนึ่งฟังก์ชั่นการทำงานใหม่คือ Stage Manager ที่ช่วยให้ iPad ของเราทำงานได้คล้ายเดสก์ทอปมากขึ้น สามารถดูแอปและหน้าต่างที่ด้านซ้ายของหน้าจอ และสลับไปมาได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว สามารถปรับขนาดและทำให้ซ้อนทับกันได้ เช่นเดียวกับใน MacOS 

และภายในปีนี้ แอปเปิลจะเปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่ Freeform ไวท์บอร์ดเสมือนจริงที่เราทำงาน เขียนงาน และ FaceTime ไปด้วยได้พร้อมๆ กัน โดยจะเปิดใช้งานทั้งใน  iOS 16, iPadOS 16 และ macOS Ventura 

iPadOS เวอร์ชั่นใหม่ยังมาพร้อมแอปภูมิอากาศ เครื่องมือพื้นฐานที่คนใช้งานกัน แต่ก็ยังไม่มีแอปเครื่องคิดเลขสักที ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งาน  iPad รอคอยกันมานานมาก

macOS Ventura ใช้ iPhone เป็นกล้องเว็บแคมคุยวิดีโอคอลได้ 

ใครที่ใช้งาน FaceTime บน Mac อาจเจ็บปวดกับคุณภาพกล้อง คราวนี้แอปเปิลแก้ไขแล้ว แต่ไม่ได้แก้ไขที่ตัวกล้อง แต่แก้ไขด้วยการนำ iPhone เป็นกล้องเว็บแคมเสียเลยรู้แล้วรู้รอด  

ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Continuity Camera ต่อไปนี้เราจะสามารถเชื่อมต่อ  iPhone เข้ากับ Mac ได้ และ macOS Ventura จะตรวจจับอุปกรณ์นั้น และใช้เป็นกล้องเว็บแคมคุย FaceTime ได้ ซึ่งฟีเจอร์กล้องเทพๆ ของ iPhone อย่าง Portrait mode, Studio Light , Ultra Wide ช่วยให้ได้ภาพชัดขึ้นด้วย 

Stage Manager ช่วยจัดเรียงหน้าต่างการทำงาน ให้สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ อยู่ตรงกลางหน้าจอ ส่วนหน้าต่างแอปอื่นจะเรียงชิดอยู่อีกด้านหนึ่ง 

Handoffใน FaceTime เริ่มการโทร FaceTime บนอุปกรณ์ Apple เครื่องหนึ่ง แล้วส่งต่อไปที่อุปกรณ์ Apple อีกเครื่องได้ แบบไม่ต้องกดวางและเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้คอล 

watchOS 9 อัดฟีเจอร์ออกกำลังกายเพียบ 

watchOS 9 คราวนี้อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ออกกำลังกาย สำหรับคนที่อยากรู้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพของเรา ตั้งแต่ รองรับการออกกำลังกายประเภทมัลติสปอร์ต สลับไปมาระหว่างช่วงของการว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน และการวิ่งโดยอัตโนมัติได้แล้ว ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวเพื่อจดจำรูปแบบของการเคลื่อนไหว ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักไตรกีฬา

ติดตามการวิ่งแบบละเอียดขึ้น เช่นวิ่งกระโดด ความยาวของการก้าว ระยะเวลาสัมผัสพื้น และการกระเด้งตัวในแนวดิ่ง ค่าวัดเหล่านี้จะปรากฏในหน้าสรุปของแอปฟิตเนสและในแอปสุขภาพ

ตรวจจับการใช้โฟมว่ายน้ำได้แล้ว โดยจะใช้ฟิวชั่นเซ็นเซอร์บน Apple Watch เพื่อตรวจจับ 

แสดงข้อมูลเชิงลึกการนอนหลับ  Apple Watch สามารถตรวจจับได้ว่าผู้ใช้อยู่ในระยะหลับฝัน หลับจริงหรือหลับลึกด้วยการใช้สัญญาณจากอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ 

ระบุสัญญาณของภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) ที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว โดยภาวะ AFib ที่ไม่ได้รับการรักษานั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่อาจส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้

ติดตามการทานยา วิตามิน และอาหารเสริม สร้างรายการยา กำหนดเวลาและรายการเตือนความจำ พร้อมทั้งดูข้อมูลเกี่ยวกับยาได้ในแอปสุขภาพ แอปการให้ยาบน Apple Watch ช่วยให้ผู้ใช้ติดตามการทานยาได้อย่างสะดวกและเป็นส่วนตัวจากที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้

ที่มา : Wired, Apple, Digital Trends