การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิวต์ (CPC) ครั้งที่ 20 เปิดฉากแล้วในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ (16 ต.ค.) ณ อาคารมหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง โดยวาระสำคัญของการประชุมถูกจับตาไปยัง การคาดการณ์ที่ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง วัย 69 ปี จะได้รับการต่อวาระเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่ทรงอำนาจที่สุดนับตั้งแต่ยุค เหมา เจ๋อตุง 

การประชุม CPC ครั้งที่ 20 เริ่มต้นด้วยการกล่าวรายงานของ ประธานาธิบดีสี ในนามคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ ชุดที่ 19 ท่ามกลางสมาชิกพรรคที่มาร่วมประชุม 2,300 คนจากทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่มีความสำคัญต่อการมองเป้าหมายของจีนในอนาคต workpointTODAY ได้สรุปเนื้อหาบางส่วนจากถ้อยแถลงของผู้นำจีนไว้ในโพสต์นี้

• สาระสำคัญของการประชุม 

ประธานาธิบดีสี กล่าวเปิดการประชุม CPC ครั้งที่ 20 โดยระบุว่า การประชุมครั้งนี้มีสาระสำคัญคือการเชิดชูสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของสังคมนิยมอันมีอัตลักษณ์จีน การนำแนวคิดสังคมนิยมอันมีอัตลักษณ์จีนสำหรับยุคใหม่มาปฏิบัติอย่างเต็มที่ การสานต่อจิตวิญญาณการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนอันยิ่งใหญ่ การมีความมั่นใจและสร้างความแข็งแกร่ง การยึดมั่นหลักการพื้นฐานและบุกเบิกความสำเร็จใหม่ การก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุมานะและความแข็งแกร่ง การมีความสามัคคีเพื่อสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ทุกประการ และการเดินหน้าฟื้นฟูชาติจีนอย่างยิ่งใหญ่ในทุกด้าน

• สามเหตุการณ์สำคัญ และภารกิจต่อไป

ในเส้นทางตลอด 10 ปีมานี้ จีนได้ผ่าน 3 เหตุการณ์สำคัญที่มีความหมายในเชิงประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งสำหรับพรรคคอมมิวนิสต์และประชาชน ได้แก่ การครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน นำการปกครองแบบสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์ของจีนเข้าสู่ยุคใหม่ และการขจัดความยากจนอย่างสิ้นเชิง มุ่งสู่สร้างสังคมที่มีความเจริญรุ่งเรืองในระดับปานกลาง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จตามเป้าหมาย 100 ปีแรก 

ภารกิจหลักของพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อจากนี้คือการนำชาวจีนจากทุกกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมกันพยายามไปสู่การบรรลุเป้าหมายในร้อยปีที่สองของการสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมที่มีความยิ่งใหญ่ทุกประการ และเดินหน้าฟื้นฟูชาติจีนให้ยิ่งใหญ่ในทุกด้าน

โดยระยะต่อไปในปี 2020-2035 จีนจะมุ่งเป้าไปที่การสร้างระบบสังคมนิยมที่ทันสมัย สร้างประเทศจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่เจริญรุ่งเรือง เป็นประชาธิปไตย และมีความก้าวหน้าทางวัฒนธรรม ท่ามกลางความกลมกลืนและสง่างาม ตั้งแต่ปี 2035 จนถึงกลางศตวรรษนี้

• การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา

ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนโตขึ้นจาก 54 ล้านหยวน (287 ล้านบาท) มาเป็น 114 ล้านหยวน (606 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 18.5% ของเศรษฐกิจโลก เพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบกับทศวรรษก่อนหน้า

จีนยังคงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวของจีนเพิ่มขึ้นจาก 39,800 หยวน (211,816 บาท) เป็น 81,000 หยวน (431,087 บาท) อีกทั้งยังเป็นคงครองอันดับ 1 ในด้านผลผลิตธัญพืช และภาคการผลิต รวมถึงทุนสำรองระหว่างประเทศซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 

• การกินดีอยู่ดีของประชาชน

ประชาชนชาวจีนทุกคนจะได้รับการปรับปรุงความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยการปรับปรุงการกระจายรายได้ พรรคคอมมิวนิสต์รับประกันว่ามีการจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับงานที่มากขึ้น สนับสนุนความสำเร็จของผู้คนผ่านการทำงานหนัก ควบคู่ไปกับการส่งเสริมโอกาสที่เท่าเทียม เพิ่มรายได้ให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย และขยายขนาดของกลุ่มคนรายได้ปานกลาง 

ขณะเดียวกัน พรรคคอมมิวนิสต์จะทำงานมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่มีปัญหาเรื่องการหางาน ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน และปรับปรุงระบบประกันสังคมด้วยการขยายความครอบคลุมของโครงการประกันสังคม 

• การศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 

การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทรัพยากรมนุษย์ ถือเป็นเสาหลักเชิงยุทธศาสตร์ของการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกด้าน จีนจะเร่งรัดการสร้างระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูง เดินหน้าการพัฒนารอบด้านของนักเรียนนักศึกษา และส่งเสริมความเท่าเทียมทางการศึกษา เพื่อพัฒนาการศึกษาที่ตอบสนองความคาดหวังของประชาชน

นอกจากนี้ ยังจะมีการปรับปรุงระบบต่างๆ สำหรับการสร้างนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเร่งการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เพื่อบรรลุความสามารถพึ่งพาตนเองและความแข็งแกร่งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และจะสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เปิดกว้างและมีศักยภาพการแข่งขันในระดับโลก

• ไต้หวันและฮ่องกง

พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะใช้นโยบายเพื่อแก้ปัญหาไต้หวันในยุคใหม่ และผลักดันการรวมชาติอย่างแน่วแน่ โดยไต้หวันถือเป็นปัญหาภายในที่จีนจะแก้ไขผ่านแนวทางอันสันติ ด้วยความจริงใจและความพยายามอย่างสูงสุด แต่หากมีการแทรกแซงจากภายนอก จีนอาจจำเป็นต้องใช้กำลังและมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อตอบโต้ โดยมุ่งเป้าไปที่คนบางกลุ่มที่พยายามแสวงหาเอกราชและแบ่งแยกดินแดน ไม่ได้มีเป้าหมายที่เพื่อนร่วมชาติในไต้หวันของเรา 

ส่วนประเด็นเรื่องฮ่องกง แม้หลายปีที่ผ่านมาจะเกิดการประท้วงและเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองหลายต่อหลายครั้ง จนจีนต้องบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงเพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่ในขณะนี้ ฮ่องกงได้กลับมามีเสถียรภาพ และพร้อมที่จะเติบโตมากขึ้นต่อไปแล้ว ภายใต้นโยบาย ‘หนึ่งประเทศสองระบบ’ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นกลไกลที่ดีที่สุด 

• ความมั่นคงและการป้องกันประเทศ

การบรรลุเป้าหมายแห่งศตวรรษของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) ในปี 2027 และการยกระดับกองกำลังของกองทัพสู่มาตรฐานระดับโลก ถือเป็นอีกหนึ่งพันธกิจเชิงยุทธศาสตร์สำหรับการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกด้าน 

พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กรพรรคคอมมิวนิสต์ในกองกำลังของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ดำเนินกิจกรรมเป็นประจำ และจัดตั้งสถาบันต่างๆ เพื่อปรับปรุงงานทางการเมืองของกองทัพ รวมถึงทุ่มเทความพยายามในการปรับปรุงความประพฤติ บังคับใช้วินัย และต่อต้านการทุจริตในกองทัพ พร้อมทั้งกระชับการฝึกซ้อมกองกำลังทหารและขยับขยายการเตรียมความพร้อมสู้รบทั่วทุกด้าน เสริมสร้างการบริหารจัดการกองทัพที่รอบด้าน ตลอดจนประสานรวมและยกระดับยุทธศาสตร์ชาติเชิงบูรณาการและสมรรถภาพเชิงยุทธศาสตร์

• นโยบายการต่างประเทศ 

จีนยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ โดยยึดมั่นในเป้าหมายของนโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งมุ่งธำรงรักษาสันติภาพของโลกและส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันเสมอมา ขณะเดียวกันก็ยืนหยัดต่อต้านลัทธิอำนาจครอบงำและการเมืองแบบใช้อำนาจบังคับทุกรูปแบบ แนวคิดสงครามเย็น การแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นๆ และการกระทำสองมาตรฐาน โดยจีนจะไม่มีวันแสวงหาการใช้อำนาจครอบงำหรือมีส่วนร่วมในการขยายอำนาจเป็นอันขาด หากแต่จะพยายามเสริมสร้างความสามัคคีและความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ และปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ภายใต้การชี้นำโดยหลักการความจริงใจ ผลลัพธ์ที่แท้จริง ความใกล้ชิด และความสุจริตใจ และด้วยความมุ่งมั่นสร้างผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ร่วมกันมากยิ่งขึ้น

ที่มา CGTN, XINHUA, Reuters