จับตา ‘สี จิ้นผิง’ เยือนมอสโก พบ ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ ครั้งแรก หลังรัสเซียบุกยูเครน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงมอสโก เพื่อพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ในวันนี้ (20 มี.ค.) การเดินทางเยือนรัสเซียครั้งประวัติศาสตร์ของผู้นำจีนกำลังถูกทั่วโลกจับตา 

การเยือนรัสเซียครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีสี ตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ปีที่แล้ว ในขณะที่จีนวางตัวเป็นกลางตลอดมา พร้อมวางบทเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง ท่ามกลางข้อกังขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย

ก่อนการเดินทางเยือนรัสเซียของผู้นำจีน เมื่อวันอาทิตย์ (19 มี.ค.) หนังสือพิมพ์รอสซีอิสกายา กาเซตา  (Rossiyskaya Gazeta) สื่อของรัฐบาลรัสเซียได้เผยแพร่บทความที่ระบุว่าเป็นของผู้นำจีน ซึ่งมีการพูดถึงแผนสันติภาพ 12 ข้อที่จีนเสนอเพื่อเป็นทางออกยุติสงครามยูเครนเมื่อเดือนที่แล้วว่า เป็นการสะท้อน “มุมมองของประชาคมโลกที่มีความเป็นเอกภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” 

ประธานาธิบดีสีระบุว่า เอกสารฉบับนี้ถือเป็นแนวทางที่สร้างสรรค์ที่จะช่วยลดผลกระทบของวิกฤต และส่งเสริมการบรรลุข้อตกลงทางการเมือง อย่างไรก็ตามผู้นำจีนยอมรับว่า ไม่มีทางออกที่ง่ายดายในการคลี่คลายปมปัญหาที่ซับซ้อนเช่นนี้ 

และในวันเดียวกัน เว็บไซต์ของทำเนียบเครมลิมได้เผยแพร่บทความอีกชิ้นหนึ่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งออกมาชื่นชมจีนสำหรับ “การแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการคลี่คลายวิกฤต” พร้อมกล่าวโทษไปยังยูเครนและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ว่าเป็นอุปสรรคของการเจรจาสันติภาพ 

ประธานาธิบดีปูตินยังระบุด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและจีนในตอนนี้ มีความแน่นแฟ้นอยู่ในจุดสูงสุด ทั้งยังกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีสีที่วางตัวเป็นกลาง และเข้าใจเหตุผลเบื้องลึกของวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับยูเครนอย่างแท้จริง 

นอกจากนี้ ยังมีการคาดหมายด้วยว่า หลังเสร็จสิ้นภาระกิจในรัสเซีย ประธานาธิบดีสีอาจหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยในระหว่างการพูดคุยนายฉินแสดงความกังวลเกี่ยวกับสงครามที่ยืดเยื้อ และย้ำจุดยืนของจีนที่ต้องการให้ทั้งสองฝ่ายหันมาเจรจาสันติภาพร่วมกัน 

ที่มา CNN, Al Jazeera, Reuters