SHARE

คัดลอกแล้ว

อยู่ดีๆ ยอดดาวน์โหลด Xiaohongshu แอปพลิเคชันโซเซียลมีเดียจากจีนก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน App Store ขณะเข้าใกล้วันดีเดย์ที่ TikTok กำลังจะถูกปิดกั้นการใช้งานในสหรัฐฯ

จนหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ใช้งานชาวอเมริกันกำลังหันมาใช้ Xiaohongshu แทน TikTok แต่แอปฯ นี้จะมาแทน TikTok ได้จริงหรือไม่ เราจะพาไปทำความรู้จักแอปฯ โซเซียลจีนที่กำลังได้รับความนิยมในสหรัฐฯ อยู่ตอนนี้ พร้อมหาคำตอบของคำถามสำคัญที่ว่า Xiaohongshu มีโอกาสเผชิญชะตากรรมแบบเดียว TikTok มากน้อยแค่ไหน

 

Xiaohongshu คืออะไร

‘Xiaohongshu’ (อ่านว่าเสี่ยวหงซู) หรือที่ชาวอเมริกันรู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘RedNote’ เป็นแอปพลิเคชันโซเซียลมีเดียที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้งานชาวจีนจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้ใช้งานถึง 300 ล้านคนต่อเดือน

แอปฯ นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี  2013 เริ่มจากการวางตัวเป็นแพลตฟอร์มแนะนำสินค้า ก่อนจะกลายมาเป็นโซเซียลมีเดียและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เปิดให้มีการซื้อขายสินค้าผ่านแอปฯ ได้ 

จุดเด่นของ Xiaohongshu คือสไตล์ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่าง Instagram กับ Pinterest เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถโพสต์รูปภาพ คลิปสั้น รวมไปถึงแบ่งปันไลฟ์สไตล์ ให้คำแนะนำ และรีวิวสินค้าต่างๆ โดยมีฟีเจอร์ให้ช้อปปิ้งอินสตรีมได้แบบ TikTok ส่งผลให้แอปฯ นี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง ที่เป็นผู้ใช้งานส่วนใหญ่ ครองสัดส่วนอยู่ถึง 79%

ที่หมายใหม่ของผู้ลี้ภัยจาก TikTok’

ความนิยมของ Xiaohongshu พุ่งขึ้นมาพร้อมๆ กับเทรนด์ #tiktokrefugee หรือผู้ลี้ภัยจาก TikTok’ ของกลุ่มผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นมาในช่วงที่ TikTok กำลังจะโดนแบนทำให้ชาวเน็ตพยายามหาแอปฯอื่นๆมาใช้งานแทน

แต่ปรากฏว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของบรรดานักสังเกตการณ์ทั้งหลาย ที่ตอนแรกคิดกันว่า ชาวเน็ตอเมริกันจะหันไปหา Facebook และ Instagram ของ Meta ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันแทน กลายเป็นว่าชาวเน็ตกลับหันไปหาแอปพลิเคชันอื่นที่เป็นของจีน

ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะเป็นความพยายามท้าทายการตัดสินใจของรัฐบาล เพราะเหล่าบรรดาผู้ลี้ภัยจาก TikTok หลายคน แสดงตัว ให้ความเห็นเลยว่า พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแบน TikTok ด้วยเหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ ถึงขั้นมีบางคนออกมาเสียดสีว่าเพราะรัฐบาลพยายามแบน TikTok พวกเขาเลยต้องหันไปหาแอปพลิเคชันที่เป็นของจีนจริงๆ และยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวด้วยความเต็มใจ

อย่างไรก็ตาม นี่อาจไม่ใช่แค่เหตุผลเดียวที่ทำให้ชาวเน็ตอเมริกันหันไปหา Xiaohongshu อีกเรื่องหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นเหตุผลสำคัญ คือนโยบายลดการควบคุมเนื้อหาที่ Meta เพิ่งออกมาประกาศเมื่อไม่นานนี้ ทำให้หลายคนกังวลว่าแพลตฟอร์มของ Meta อาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสมอยู่ในแพลตฟอร์มมากขึ้น

Lemon8 – CapCut เสี่ยงโดนแบนด้วย

นอกจาก Xiaohongshu ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มชาวเน็ตอเมริกันแล้ว อีกหนึ่งแอปพลิเคชันจีนที่กำลังมาแรงในหมู่ชาวเน็ต คือ Lemon8 ที่เป็นของ ByteDance เจ้าของเดียวกับ TikTok กลายมาเป็นแอปฯ ที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดเป็นอันดับ 2 ใน App Store ที่สหรัฐฯ ตามหลัง  Xiaohongshu มาติดๆ

โดย Lemon8 เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2020  มีรูปแบบคล้ายคลึงกับ Xiaohongshu คือสามารถโพสต์รูปภาพคลิปวิดีโอสั้นรีวิวสถานที่ต่างๆตามหมวดหมู่ที่แบ่งไว้อย่างชัดเจนพร้อมลูกเล่นให้ผู้ใช้งานสามารถตกแต่งสร้างสรรค์โพสต์ของตัวเองตามต้องการไม่ว่าจะเป็นการใช้เทมแพลตใส่ฟิลเตอร์หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษรได้ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่  Lemon8 เป็นแอปพลิเคชันที่มีเจ้าของเดียวกับ TikTok ทำให้ตอนนี้มีความกังวลขึ้นมาว่า แอปฯ นี้อาจจะถูกปิดกั้นการใช้งานในสหรัฐฯ ไปพร้อมกับ TikTok  ซึ่งข้อกังวลนี้รวมไปถึง CapCut แอปฯ ตัดต่อวิดีโอยอดนิยมที่มี ByteDance เป็นเจ้าของด้วยเหมือนกัน

โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าในกฎหมายปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยปรปักษ์ต่างชาติ ที่สหรัฐฯ มาบังคับใช้แบน TikTok มีการระบุชัดเจนว่ามีผลกับเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ หรือแอปพลิเคชันเทคโนโลยีเสริม ที่ดำเนินการโดยตรงหรือโดยอ้อม รวมถึงผ่านบริษัทแม่ บริษัทสาขา หรือบริษัทในเครือของ ByteDance

‘Xiaohongshu’ เสี่ยงเจอชะตากรรมเดียวกับ ‘TikTok’

การตีความดังกล่าว ทำให้มีคำถามสำคัญตามมาว่า Xiaohongshu ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสัญชาติจีนเหมือนกัน มีโอกาสที่จะโดนเล่นงานโดยกฎหมายฉบับเดียวกันกับ TikTok ซึ่งเรื่องนี้ยังคงไม่มีความชัดเจนในเวลานี้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เริ่มมีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการในสหรัฐฯ หลายคนออกมาเตือนถึงความปลอดภัยในการใช้งาน Xiaohongshu แล้ว บางคนถึงกับเตือนเลยว่า จริงๆ แล้ว Xiaohongshu อาจอันตรายกว่า TikTok ซะอีก เพราะนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปฯ นี้ มีความละเอียดอ่อนมากกว่า เช่น สามารถเข้าถึงตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้งานผ่าน IP, มีการติดตามและเก็บรวบรวมพฤติกรรมท่องเว็บของผู้ใช้และที่สำคัญคือเงื่อนไขและรายละเอียดเรื่องความปลอดภัยแอปฯถูกระบุไว้เป็นภาษาจีนกลางทั้งหมด

ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมีความกังวลว่า แอปฯ นี้อาจนำข้อมูลของผู้ใช้งานไปแบ่งปันให้ผู้ให้บริการบุคคลที่ 3 หรือรัฐบาลจีน ที่อำนาจควบคุมแอปฯ นี้โดยตรง

ก่อนหน้านี้ Xiaohongshu ก็เคยถูกรัฐบาลไต้หวันสั่งห้ามไม่ให้พนักงานภาครัฐใช้งานแอปฯนี้ในอุปกรณ์ส่วนตัวเนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติมาแล้ว

คงต้องรอดูต่อไปว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะดำเนินการอย่างไรกับแอปพลิเคชันโซเซียลมีเดียอื่นๆ ที่มาจากจีน หลังจากที่แบน  TikTok ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติไปแล้ว

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า