Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ – นายนิวัฒน์ธำรง – นายสุรนันท์ และ 2 บริษัทสื่อจากกรณีจัดงานนิทรรศการโชว์แผนงานตาม พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ที่มีรถไฟความเร็วสูงเป็นจุดขายทั่วประเทศ โดยระบุมีการฮั้วเอื้อผู้ได้รับงาน ขณะที่เมื่อตัว พ.ร.บ.ไม่ผ่าน ทำให้การใช้งบประมาณจัดงานเป็นการสูญเปล่า


วันที่ 22 ก.ค. 2563 นายนิวัติไชย เกษมมงคล โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) แถลงข่าว ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล กรณีอนุมัติและดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” วงเงิน 240 ล้านบาท เมื่อปี 2556 โดยมิชอบ

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อเดือนมกราคม 2556 คณะรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติยกร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ หรือที่เรียกว่า “ร่าง พ.ร.บ. สองล้านล้านบาท” และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งประเทศเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำร่าง พ.ร.บ. สองล้านล้านบาท และเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการ จัดนิทรรศการ สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน โดยให้นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนครบถ้วน ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินโครงการจัดนิทรรศการไปแล้วทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดหนองคาย จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดพิษณุโลก

ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดนิทรรศการภายใต้ชื่อ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” โดย นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหาร 2 บริษัทสื่อ เพื่อรับทราบและตกลงเป็นผู้รับจัดงาน Roadshow ทั้งสิ้น 12 จังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละ 20 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 240 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่มีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ และเมื่อตรวจสอบงบประมาณประจำปี 2556 ก็ไม่ได้ระบุแผนงาน/โครงการดังกล่าวไว้ ประกอบกับงบประมาณประจำปี 2557 ประกาศใช้ไม่ทันวันที่ 1 ตุลาคม 2556 แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ได้อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น วงเงิน 40 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดโครงการ Roadshow และเห็นชอบให้จัดโครงการใน 2 จังหวัดก่อน ได้แก่ จังหวัดหนองคายและจังหวัดนครราชสีมา

ทั้งที่สถานการณ์ในขณะนั้นมีหลายฝ่ายออกมาทักท้วงว่าร่าง พ.ร.บ. สองล้านล้านบาท อาจขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหลายประการ และมีการเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย อีกทั้งการจัดงานดังกล่าวยังซ้ำซ้อนกับงานนิทรรศการที่กระทรวงคมนาคมได้จัดไปก่อนแล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดว่า หากไม่ดำเนินการโครงการ Roadshow ในขณะนั้นแล้วทางราชการหรือประชาชนจะได้รับความเสียหายแต่อย่างใด สถานการณ์ในขณะนั้นจึงยังไม่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนที่จะออกไป Roadshow ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวแต่อย่างใด

ป.ป.ช.ยังระบุด้วยว่า กระบวนการในการยื่นเอกสารเสนอราคา และการสืบราคาเพิ่มเติม มีลักษณะเอื้อให้กับบริษัทสื่อที่ตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ซึ่งต่อมานายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นเห็นสมควรอนุมัติจัดจ้าง

ขณะเดียวกันได้มีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ. สองล้านล้านบาท ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งในท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ. สองล้านล้านบาท ตราขึ้นโดยมิใช่กรณีจำเป็นเร่งด่วน ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นสาระสำคัญมีผลให้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นอันตกไป ส่งผลให้โครงการต่างๆ ตามที่ได้ออกไป Roadshow มิได้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด การใช้งบประมาณในโครงการ Roadshow จำนวน 240 ล้านบาท จึงเกิดความสูญเปล่า เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้ว มีมติดังนี้
1. การกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และ 13

2. การกระทำของบริษัทสื่อ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2561 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน ของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับ การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และมาตรา 13 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นพร้อมสำเนาอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

ทั้งนี้ ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 เสียง ชี้มูลความผิด น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร , มติเอกฉันท์ 7 เสียง ชี้มูลความผิดนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ  และมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 เสียง ชี้มูลความผิดนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ส่วนกลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ รวม 9 รายมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป

ขณะที่บริษัทสื่อมวลชน 2 แห่งและผู้มีอำนาจกระทำการแทนนั้นซึ่งเป็นผู้ได้รับงานจัดแสดงนิทรรศการกระจายไปทั่วประเทศ ป.ป.ช.มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 3 เสียง ชี้มูลความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิด

สำหรับ โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 เป็นการจัดงานนิทรรศการแสดงรายละเอียดจากโครงการ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีรถไฟความเร็วสูง เป็นจุดขายสำคัญ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า