Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

“วันเกิดฉัน ทำไมมันจึงไม่มีใครจำ

ฉันเหงาเหลือเกินที่รู้ว่าทำให้ใครฉันไม่มีความหมายใด วันเกิดฉันแค่หนึ่งวันที่ถูกทิ้ง…ให้ผ่านไป”

 

เนื้อร้องเพลง “วันเกิด” ที่คุ้นหูมายาวนานหลายปีค่อยๆ ถูกร้องคลอเบาๆ ไปกับเสียงกีตาร์คู่ใจตัวใหม่ที่เจ้าของเพลงกล่าวอย่างภูมิใจว่าเพิ่งถอยมาใหม่ ทุกนาทีที่เราได้นั่งข้าง โป้ โยคีเพลย์บอย หรือชื่อจริง ปิยะ ศาสตรวาหา ที่ในวิกิพีเดียไทยระบุว่าเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวไทย เป็นนักร้องนำ โยคีเพลย์บอย และอดีตสมาชิกวง 2 Days Ago Kids ไม่เคยมีแม้สักนาทีเดียวที่จะไม่ได้ยินพี่โป้ร้องเพลง ก่อนที่เราจะได้เริ่มคุยจริงจังพี่โป้นั่งเล่นกีตาร์ ร้องเพลงเก่าๆ ให้เราฟังวนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เพลงฮิตอย่าง “วันเกิด” ไปจนถึง “กังฟู ไฟท์ติง” เพลงเนื้อหาสนุกๆ ที่ทำเอาฟังไปหัวเราะกันไป บรรยากาศครึกครื้นตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มคุย

นี่แหละ เสน่ห์ของ โยคีเพลย์บอย

ตัวตนและแนวเพลงที่ไม่เหมือนใครของ โป้ โยคีเพลย์บอย

พี่โป้เริ่มเล่าว่า “ตอนแรกเริ่ม โยคีเพลย์บอยไม่ได้เป็นวงดนตรีในกระแส เราเริ่มจากสิ่งที่เราชอบ เราทําเพลงอย่างที่เราเชื่อ เพราะฉะนั้นเราก็จะทําเพลงป็อปที่มันก็เป็นเพลงป็อปในแบบของเรา แล้วก็กลุ่มคนฟังก็เริ่มขยายตัวมากขึ้น”

“เราไม่มีสูตรทำเพลงตายตัว เราบอกไม่ได้ว่าเวลาเราทําเพลง เพลงนี้มันจะดังหรือไม่ดัง เรารู้แค่ว่าเราทําเพลงนี้มาแล้วเรารู้สึกมั่นใจกับมัน เราอยากฟังเพลงแบบนี้ เรารู้สึก fulfill กัน (สมหวังดั่งใจ, เติมเต็มหัวใจ) แค่นี้คือความสําเร็จขั้นแรก”

“เราต้องเชื่อในสิ่งที่เราทําอยู่ เราต้องทำให้เต็มที่ในแบบของเรา จากนั้นเราถึงจะเริ่มเชื่อว่าก็น่าจะมีคนที่ชอบแบบเรา อาจจะมีบางครั้งที่เพลงออกไปแล้วคนเริ่มชอบจากกลุ่มเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ขยายไปสู่คนฟังกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น หลายเพลงที่ตอนนี้มันฮิตแล้ว อย่างเช่นเพลง ‘ขอให้ผม’ ตอนแรกก็ไม่ใช่เป็นเพลงที่ติดชาร์ตอะไรเลย แต่ว่าเป็นเพลงที่โดนเปิดอยู่เรื่อยๆ แล้วก็มันเลยกลายเป็นเพลงที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ เชื่อในพรหมลิขิต เชื่อในคู่แท้ของตัวเอง ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเพลงของโยคีเพลย์บอยครับ”

โยคีเพลย์บอย = วงออเคสตร้า

พี่โป้ยอมรับว่า เนื่องจากอัลบั้มชุดแรก (Yokee Playboys ปี 2539 หรือที่แฟนๆ เรียกกันว่า อัลบั้มนมหนาม) ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่คาดหวัง สมาชิกในวงส่วนหนึ่งเลยแยกย้ายกันไปทําโปรเจกต์อื่น ไปเล่นดนตรีให้วงอื่น หลังจากนั้นเป็นต้นมารูปแบบโครงสร้างของวงโยคีเพลย์บอยจึงเป็นวงที่ไม่ได้มีสมาชิกตายตัว นอกจากพี่โป้คนเดียวที่จะเป็นเซ็นเตอร์ คล้ายๆ กับวงออเคสต้าที่จะมีวาทยกรหนึ่งคน ที่ค่อยๆ พาทุกคนในวงไปในท่วงทํานองที่พี่โป้อยากให้เป็น

“เอาจริงๆ เราก็ไม่อยากจะเปลี่ยนสมาชิกไปเรื่อยๆ แบบนี้หรอก แต่เราเข้าใจสัจธรรมของดนตรี เราไม่ต้องการที่จะดึงใครไว้ ถ้ามันไม่สามารถทําให้ชีวิตของเขาสมบูรณ์แบบได้ในแบบของเขา ถ้าเลือกได้เราก็อยากเล่นดนตรีกับคนเดิมๆ ไปเรื่อยๆ”

“แต่การที่จำเป็นต้องเปลี่ยนสมาชิก เปลี่ยนนักดนตรีแบ็กอัพ ก็ทำให้เราได้เปลี่ยนรูปแบบการแสดงบนเวทีไปบ้างเหมือนกัน ในหลายๆ ครั้งมันก็ดี แม้ว่ารูปแบบการแสดงจะมีปรับเปลี่ยนไปตามสมาชิกวงบางคน แต่สุดท้ายเราก็ยังตบๆ กลับเข้ามาให้เป็นโยคีเพลย์บอยได้เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเวลาที่เราทําคอนเสิร์ตใหญ่ จะเห็นว่าเราจะพยายามดึงนักดนตรีเก่าๆ มาเต็มไปหมดเลย เพื่อคงความเป็นโยคีเพลย์บอยในแบบที่ทุกคนรู้จักให้ได้มากที่สุด”

เกือบจะไม่มีโยคีเพลย์บอยอีกต่อไป

แม้ว่าโยคีเพลย์บอยจะมีผลงานมาสเตอร์พีซที่เป็นเพลงระดับตำนานตราตรึงใจใครหลายๆ คนอย่าง “โปรดเถอะ” (2540), “คืนนี้…ขอหอม” (2541), “วันเกิด”, “ทำร้าย” (2543) และอีกมากมาย แต่ในปี 2547 ผู้บริหารของ Bakery Music ตัดสินใจลาออกจากบริษัท ศิลปินในสังกัดจึงแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง รวมถึงพี่โป้ที่ออก The Greatest Grandfather Hits อัลบั้มรวมเพลงฮิตของโยคีเพลย์บอยครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวขาออกมาจากถนนเส้นสายดนตรี

พี่โป้ถือโอกาสนี้ลองหันไปทำอาชีพที่ตรงกับสายที่ตัวเองเรียนจบมา นั่นคือ สถาปนิก แต่สุดท้ายเขาก็หันหน้ากลับมาหาดนตรีอีกครั้ง

“หลังหมดสัญญากับเบเกอรี่ ผมเริ่มมีคําถามกับตัวเองว่าตั้งแต่เรียนจบมาเรายังไม่ได้ทําในสิ่งที่เรียนที่เราลองเรียนเลย ก็เลยคิดว่างั้นคราวนี้ลองทำดูดีไหม มันจะได้เป็นตัวเปรียบเทียบว่าชีวิตเรามันควรจะเดินทางไหนต่อ มันยังใช่ด้านดนตรีไหม ก็เลยลองทำงานเป็นสถาปนิกอยู่ 2 ปี ก็พอทำได้นะ แต่ว่าไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก เพราะว่าตอนนั้นต้องเรียนรู้และตามเทรนด์ให้ทัน โลกของการออกแบบมันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว วัสดุก่อสร้างมันอัปเดตไปถึงไหนแล้ว”

“เราพอทำได้ก็จริง แต่มาถึงจุดหนึ่งที่เรามาฉุกคิดอีกที มันคือโอกาสที่เราได้รับมาทางดนตรี โอกาสที่ทำให้เราได้ออกอัลบั้ม การที่จะได้เป็นศิลปิน ได้มีผลงานเพลงมันไม่ใช่เรื่องง่าย พอเราทิ้งไปเลยเราก็เริ่มเสียดาย ทั้งหมดที่เราทำมามันจะสูญเปล่า แล้วมันก็เริ่มทำให้ความภูมิใจในตัวเองมันค่อยๆ ลดลง ไม่เกี่ยวกับอาชีพที่ทำอยู่นะ แต่มันเป็นเรื่องของจิตใจภายในลึกๆ ของเราที่ความภูมิใจในตัวเองมันค่อยๆ ลดลง”

“ผมเป็นคนเน้นในเรื่องของการสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเอง การเล่นดนตรีมันเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมเริ่มรู้สึกว่า มันควรจะมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ชีวิตของเรามันมาทางสายนี้จริงๆ ก็เลยลองกลับไปทำเพลงอีกที”

กลับมาในยุคที่ไม่ใช่คนรุ่นเราอีกต่อไป

พี่โป้ยอมรับว่า ตอนที่กลับมาทำเพลง กลับมาเดินบนถนนสายดนตรีในฐานะศิลปินอีกครั้งหลังจากเคยหันหลังให้กับอาชีพนี้ไป 2 ปี มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเหมือนหันหน้ากลับมาอีกที ก็เข้าสู่ยุคใหม่ที่ไม่ใช่ยุคของเขาอีกต่อไปแล้ว

“ในแต่ละยุค กลุ่มคนที่จะมีผลกับดนตรีในส่วนใหญ่จะเป็นช่วงวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว พวกเขาก็คงอยากจะฟังเสียงของคนในรุ่นเดียวกันกับเขา เท่าที่สัมผัสมา เพลงของโยคีเพลย์บอยบางทีมันอาจจะข้ามรุ่นไปหน่อย น้องๆ รุ่นใหม่อาจจะเคยฟังเพลง แต่ไม่รู้ว่าใครร้อง เราได้เจอกับน้องๆ รุ่นใหม่หลายคนที่ชอบเรา ตามดูตามฟังเพลงของเรา”

แม้ว่าการกลับมาครั้งนี้อาจจะไม่ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะศิลปินได้มากเท่าเมื่อหลายปีก่อน แต่พี่โป้มั่นใจว่าการกลับมาเป็นศิลปินอีกครั้ง เป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง

“มีสิ่งหนึ่งที่รู้แน่ๆ คือในชีวิตของผม ถ้าได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับดนตรี เราจะมีความสุข แล้วถ้ามันสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ด้วย มันก็ช่วยสร้างความภาคภูมิใจให้ตัวเองด้วย เพราะว่าในตระกูลที่บ้านผมไม่มีใครทําดนตรีเลย”

พี่โป้เติบโตมาในครอบครัวที่มีอาชีพเป็นหมอและสถาปนิก จึงทำให้พี่โป้เลือกเรียนสถาปนิกในตอนที่เป็นวัยรุ่น โดยสายอาชีพอย่างศิลปิน นักร้อง ในตอนนั้นได้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากที่บ้านมากนัก เพราะถูกมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง

ดังนั้นการที่เขาเคยลองกลับมาทำงานตามสายงานที่ตัวเองเรียนมา แล้วตัดสินใจกลับไปเป็นศิลปินอีกครั้ง เขาจึงกลับไปด้วยความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม มากกว่าการเป็นศิลปินเมื่อสมัยวัยรุ่น เอาชีวิตเป็นเดิมพันว่าถ้าคราวนี้กลับมาแล้วทำให้เต็มที่ ทำให้จริงจังกว่าเดิมอย่างสุดความสามารถจริงๆ แล้ว ผลออกมาเป็นอย่างไรก็จะยอมรับ

แต่การกลับมาเขาไม่ได้วัดความสำเร็จจากความนิยมของเพลงอย่างเดียว ผลงานแรกที่เป็นการเปิดตัวสำหรับการกลับมาเป็นศิลปินอีกครั้งของเขาคืออัลบั้ม Telepathy ปี 2552 ภายใต้สังกัด เพลนตี้ มิวสิก ในเครือ อาร์เอส ของอดีตผู้ก่อตั้งค่ายเบเกอรี่มิวสิค สมเกียรติ อริชัยพาณิชย์ อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในแง่ของยอดขายเพลง ยอดฟังเพลงในวิทยุแต่อย่างใด เป็นเหมือนการวอล์มอัพถึงการประกาศอย่างเป็นทางการว่า “โยคีเพลย์บอย กลับมาแล้ว” มากกว่า

“ตอนนั้นทำเพลงแรกออกมาก็หายไปเหมือนกันครับ คนไม่จำไม่สนใจ แต่ว่านั่นไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญสำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้หวังว่าการปล่อยเพลงออกมามันต้องดังทุกครั้ง ผมขอได้ทําออกไปเรื่อยๆ ให้ค่อยๆ มีคนฟังมากขึ้นเรื่อยๆ มีเด็กรุ่นไหนเริ่มจะสนใจเพลงของเรามากขึ้น ถึงแม้เค้าก็จะไม่รู้ว่าใครร้องก็ตาม มันก็ค่อยๆ ต่อยอดจนเริ่มมีงานจ้างให้ไปโชว์ขึ้นมา”

เป้าหมายหลัก คือการรักษาฐานแฟนคลับเดิม เพิ่มแฟนคลับกลุ่มใหม่ให้มากขึ้นในเวลาเดียวกัน

“ผมมีเป้าหมายอย่างหนึ่ง คือช่วงที่หายไปมันเหมือนกับเราทิ้งแฟนเพลงของเราไว้ด้วย ก็เลยมีความรู้สึกเกิดขึ้นในใจ เลยอยากจะทําคอนเสิร์ตใหญ่ แต่คราวนี้จะคิดเหมือนโปรโมตแบรนด์หนึ่ง ผมจะออกเป็นซิงเกิลก่อน แล้วค่อยเอาซิงเกิลไปรวมเป็นอัลบั้มขายในคอนเสิร์ตใหญ่ นั่นเป็นความฝันตอนแรก”

พี่โป้บอกว่า ในช่วงนั้นเทรนด์ของเพลงขึ้นเร็วแล้วมันก็หายไปเร็ว พี่โป้เลยคิดว่างั้นทําเป็นอีพีอัลบั้ม 3 เพลง ออกเพลงใหม่ทีละ 3 เพลงไปเรื่อยๆ โดยเรียกโปรเจกต์นั้นว่าโปรเจกต์ We (2560-2562) แล้วสุดท้ายก็รวมทุกอีพีเป็นอัลบั้ม We Are New Old (2564)

ซึ่งถือว่าโยคีเพลย์บอยมาได้ถูกทาง เพราะอัลบั้ม We Are New Old ปี 2564 ที่รวมเพลงที่ปล่อยออกมาแล้วก่อนหน้านี้อย่าง “นอนคนเดียว กินคนเดียว ดูทีวีคนเดียว”, “เธอรู้ไหมฉันไม่ชอบเวลาเธอพูดถึงเขา” หรือ “รักรอที่ฟลอร์เต้นรำ” เริ่มเป็นที่รู้จักทั้งกับแฟนเพลงเดิม และแฟนเพลงรุ่นใหม่ เริ่มได้เห็นเพลงของโยคีเพลย์บอยกลับมาติดชาร์ตวิทยุอีกครั้ง

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นอกจากวิธีปล่อยเพลงแล้ว แนวเพลงและวิธีคิดในการแต่งเพลงก็แตกต่างไปจากเดิมด้วย โดยแนวเพลงพี่โป้ยอมรับว่าอาจจะมีส่วนที่แตกต่างจากเดิมตรงที่มีการใส่ซาวด์ของเปียโนเข้ามา หลังจากที่เขาเป็นคุณพ่อที่พาลูกสาวไปเรียนเปียโนทุกวันอาทิตย์ แล้วถือโอกาสเรียนเปียโนไปพร้อมลูกด้วย จึงเริ่มแต่งเพลงจากเปียโน ทั้งดนตรี ทำนอง และเนื้อเพลงก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย สุขุมนุ่มลึกในแบบฉบับคุณพ่อมากขึ้น

แต่ถึงกระนั้น พี่โป้ก็ยังไม่ลืมที่จะเป็นตัวเองผ่านผลงานเพลงด้วย จึงตัดสินใจแต่งเพลงโดยทำตามใจตัวเองครึ่งหนึ่ง ทำตามใจแฟนๆ อีกครึ่งหนึ่ง พบกันคนละครึ่งทาง ซึ่งก็ทำให้พี่โป้รักษาสมดุลของชีวิตในการเป็นศิลปินได้เป็นอย่างดี ยังคงรักษาตัวตนของตัวเอง รักษาความภาคภูมิใจในตัวเองได้ ในขณะที่เพลงที่ประสบความสำเร็จก็นำมาเอางานและเงินทองในการหาเลี้ยงชีพทั้งตัวเองและครอบครัวเอาไว้ได้เช่นกัน

โยคีเพลย์บอย ศิลปินผู้มาก่อนกาล

“ผมเชื่อว่าเพลงในแบบที่เราสร้างขึ้นมามันไม่ได้ฟังยากขนาดนั้น คนน่าจะยังจับต้องและเข้าใจได้ และความเชื่อนี้ทําให้บางทีเราก็เล่นเพลงที่ไม่ดังนั้นขึ้นมาบนเวที อาจจะดูเหมือนเราเป็นวงที่เอาแต่ใจตัวเองนิดนึง แต่เพราะเราอยากให้ทุกคนได้ลองฟังได้ลองคิดตามเพลงที่ผมร้องออกไป จึงเป็นที่มาของเพลงที่แต่ก่อนไม่ดัง แต่เพิ่งมาดังเอาตอนนี้ มันก็มีจุดเริ่มต้นแบบนี้”

นั่นจึงเป็นที่มาของการทำคอนเสิร์ต LEGACY PRESENTS YOKEE PLAYBOY ๒๕๓๙ ที่เป็นครั้งแรกของแฟนๆ และตัวศิลปินเองที่ได้ทำการแสดงสดเพลงจากอัลบั้มแรก Yokee Playboys (2539) ตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้าย อัลบั้มที่มาก่อนกาล บทเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก และความทรงจำ ผ่านสำนวนเรียงร้อยถ้อยคำภาษาอันเป็นเอกลักษณ์ และดนตรีแนว funk-soul-rock ที่แสนเกรี้ยวกราด บาดลึก โดดเดี่ยว และปลอบประโลมคุณได้ในเวลาเดียวกัน จนทำให้เพลงในอัลบั้มนี้ค่อยๆ ซึมซับเข้าไปครองใจหลายๆ คนที่ได้ยกให้งานชุดนี้เป็นหนึ่งในอัลบั้มเพลงที่ดีที่สุดของโยคีเพลย์บอยในเวลาต่อมา

“อัลบั้มแรกตอนเราออกไปก็ไม่มีใครฟังเท่าไรนะ แต่พอเวลาผ่านไปเขากลับเรียกร้องจัดคอนเสิร์ตแบบนี้ ทำให้อัลบั้มนี้กลายเป็นอัลบั้มของสะสมหายาก พี่ก็อยากจะบอกทุกคนว่าคราวหน้าถ้าออกเพลงใหม่ ก็ชอบเลยก็ได้นะครับ ไม่ต้องรอมาชอบเอาตอนหลัง” พี่โป้เล่าไปหัวเราะไป

มาสเตอร์พีซ ไม่ต้องใช้เวลาปั้นนาน

แฟนๆ ของโยคีเพลย์บอยน่าจะยกให้เพลงอย่าง “คืนนี้…ขอหอม”, “วันเกิด” และ “ทำร้าย” เป็นเพลงมาสเตอร์พีซที่ทั้งดีและเป็นที่นิยมในวงกว้างมากที่สุด ซึ่งการกำเนิดของมาสเตอร์พีซที่ว่ามานี้ใช้เวลารวดเร็วชนิดที่พี๋โป้บอกว่าเขียนรวดเดียวจบแบบไม่แก้อะไรเลย

“มาสเตอร์พีซมักจะเกิดขึ้นเร็ว แล้วก็เหมือนกับเราไม่ได้เป็นคนแต่ง แต่เหมือนเราเป็นแค่ทางผ่านของสสารอะไรบางอย่าง เหมือนมีคนมาจับมือเราเขียน เขียนออกมาพร้อมกันเลยทั้งเนื้อร้องและทำนอง เขียนแบบรวดเดียวจบ จำได้ว่าแต่งออกมาเร็วมาก คืนเดียว แทบไม่ได้แก้อะไรเลย ตอนแต่งเพลงเสร็จเรารู้เลยในตอนนั้นว่านี่แหละมาสเตอร์พีซ”

“ตอนนั้นก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าชีวิตเป็นยังไง ทำอะไร ช่วงนั้นกินอะไร ดูอะไรในทีวีไปบ้าง พยายามจะนึกอยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) ถึงจะแต่งเพลงเศร้าๆ แบบนั้นออกมา แต่ชีวิตช่วงนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร นึกไม่ออก แต่ไอเดียมันพรั่งพรูมาก เกิดขึ้นเร็วมาก จนออกมาเป็นเพลงเหล่านี้”

จากพี่โป้ถึงศิลปินรุ่นน้อง

พี่โป้บอกว่า เพลงและดนตรีในแต่ละยุคสมัย นักดนตรีวัยรุ่นในช่วงนั้นๆ เป็นคนกำหนด แม้จะเคยมองว่าเพลงสมัยก่อนเนื้อเพลงและท่วงทำนองจะซาบซึ้งกินใจกว่า แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่ เป็นเพราะเราเกิดในยุคนั้นเลยฟังเพลงแนวนั้นแล้วเข้าใจ และรู้สึกร่วมมากกว่า ในขณะที่เพลงและดนตรีในสมัยนี้ก็จะทำให้แฟนเพลงในยุคนี้ซาบซึ้งใจและรู้สึกร่วมได้มากกว่าเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ควรนำมาเปรียบเทียบกัน และตัวพี่โป้เองก็พร้อมที่จะเรียนรู้ด้วยว่าวัยรุ่นสมัยนี้ชอบแบบไหน

“พี่จะมองว่ามันเหมือนกับงานศิลปะของคนรุ่นใหม่ ภาพศิลปะในแบบของรุ่นเราอาจจะเป็นความสวยในลักษณะหนึ่ง ศิลปะของคนรุ่นใหม่ก็อาจจะสวยในอีกรูปแบบหนึ่ง แล้วแต่คนดูที่ดูแล้วจะรู้สึกยังไง”

พี่โป้เปรียบดนตรีในสมัยนี้ว่าเป็นเหมือนศิลปะแนวนามธรรม มีความฟรีสไตล์มากขึ้น ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน ทำให้แต่ละคนเปิดโอกาสตัวเองในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างอิสระมากขึ้น ไม่ปิดกั้นแนวทางหรือรูปแบบการแต่งเพลงเหมือนสมัยก่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นวงการเพลงไทยเติบโตได้ด้วยความคิดสร้างสรรค์และฝีมือทางด้านดนตรีจากศิลปินรุ่นใหม่เหล่านี้

เมื่อถามถึงศิลปินยุคใหม่ๆ ที่พี่โป้ชื่นชม พี่โป้ตอบโดยไม่คิด ว่าเป็นวง Tilly Birds กับเพลง “ถ้าเราเจอกันอีก”

“เพลงนี้น่าทึ่งทั้งภาคดนตรี และการร้อง ยิ่งดนตรียิ่งน่าทึ่งมาก ผมว่าน้องๆ เก่งมากที่ทำท่อนเพลงแบบนี้ขึ้นมาได้ คำศัพท์จากรุ่นพี่ต้องบอกว่าทำเพลงได้ ‘อร่อยมาก’ หมายถึงทำเพลงได้เซอร์ไพรส์มาก รุ่นพี่อย่างผมยังคิดว่า โอ้โห ทําอย่างงี้เลยเหรอ เก่งมากครับ ขอให้ทําอะไรให้เต็มที่อย่างงี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ นะครับ”

“อีกคนคือ TangBadVoice จังหวะความเร็วในการแร็ปของเขามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครดี เนื้อร้องก็น่าสนใจมาก”

“แต่ถ้าย้อนไปพูดถึงศิลปินรุ่นเก่าที่เก่ามาแล้วแต่ผมยังฟังอยู่ คือ พี่แต๋ม-ชรัส เฟื่องอารมย์ เป็นศิลปินในดวงใจคนหนึ่งเลย เป็นศิลปินที่อยู่มานานมากแล้วยังเพิ่งออกเพลงใหม่ (“รักเธอมากกว่าจักรวาล”) ผมนับถือเขามากเลยจริงๆ”

พี่โป้ไม่ลืมที่จะให้กำลังใจศิลปินรุ่นใหม่ว่า “ปัจจุบันมันเปลี่ยนยุคไปแล้ว และยุคนี้เป็นยุคของน้องๆ โยคีเพลย์บอยเลยผันตัวมาเป็นวงดนตรีที่รักษากลุ่มแฟนเพลงของตัวเองไว้ แล้วก็คอยเชียร์น้องๆ ทําให้วงการดนตรีมันพัฒนาไปให้ดีมากกว่าเดิม ผมเลยมองว่าผมเป็นเหมือนศิลปินรุ่นเก่าที่ยังคงทำงานเพลงอยู่ ยังคงติดตามความเป็นไปในวงการเพลงยุคนี้อยู่ แต่ก็ฝากความหวังในการพัฒนาวงการดนตรีไทยไว้ให้กับศิลปินรุ่นน้องๆ ครับ”

คอนเสิร์ตที่จำได้แม่นที่สุด

“คอนเสิร์ตที่จำได้แม่น คือคอนเสิร์ตที่ฮาที่สุด เป็นคอนเสิร์ตช่วงวัยรุ่น ตอนนั้นต้องไปเล่นที่ดีเจสยาม ทุกคนรออยู่ที่หน้าดีเจสยามเต็มไปหมด พี่ขับรถหนีตํารวจ เพราะรีบมาก ขับฝ่าไฟแดงมา แล้วเราจ้องขับหลบไปเรื่อยๆ มาคลาดกับตำรวจตอนเข้าสยามสแควร์ สุดท้ายตอนนั้นเลยเวลาแสดงไปแล้วด้วยนะ แล้วพี่ยังไปไม่ถึง จำไม่ได้ว่าติดอะไรทำให้วันนั้นไปสาย พอขับไปถึงงานปุ๊บ เราเดินลงมา มีคนเข้ารถขับรถไปจอดที่อื่นให้ ตรงหน้ามีคนเอาไมค์ยื่นมาให้ พี่ก็หยิบไมค์แล้วเดินขึ้นเวทีร้องเพลงเลย ความรู้สึกคือมันตื่นเต้นมาก เพิ่งโดนตำรวจขับไล่มา แต่ก็ต้องคุมสติแล้วร้องเพลงต่อเลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“แล้วยังไม่เข็ดด้วยนะ งาน Cat นี่ก็จำได้ ตอนซ้อมเสร็จคนอื่นก็รออยู่ที่งาน แต่เราอยากกลับไปอาบน้ำใหม่ที่บ้าน กลับมาอีกที รถติดยาวเลย ก็เลยต้องลงจากรถแล้ววิ่ง ต้องโบกมอเตอร์ไซค์ใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่วินมอเตอร์ไซค์ด้วย เขาก็บอกว่าเขาช่วยไปส่งได้แค่ถึงตรงนั้นตรงนี้นะ ผมก็โอเค เขาก็ขับขึ้นสะพานไปแล้วจอด ผมก็ต้องวิ่งลงจากสะพานเข้ามา ประมาณกิโลนึงได้มั้ง แล้วก็เหมือนเดิม วิ่งไปถึงเวทีปุ๊บ จับไมค์ร้องเลย”

“ที่บ้ากว่านั้นคือ ปีถัดไป งาน Cat งานเดิม ที่เดิม อีหรอบเดิม (หัวเราะ) ผู้จัดไม่ได้ว่าอะไร แต่เราอยากว่าตัวเองมากกว่า สงสัยต้องออกกำลังกายให้แข็งแรงกว่าเดิม แต่อย่าดีกว่า หัวใจจะวาย”

ส่วนคอนเสิร์ตที่ประทับใจที่สุด คงหนีไม่พ้น YOKEE PLAYBOY REBORN CONCERT คอนเสิร์ตใหญ่ที่สุดในรอบ 26 ปีของโยคีเพลย์บอย เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา

“เป็นคอนเสิร์ตที่เราตั้งใจทําตั้งใจเตรียมมา 10 ปี โดนเลื่อนเพราะโควิดอีก มันคือที่สุดของที่สุดเลย เป็นคอนเสิร์ตที่จะระลึกไว้ในใจหรือชั่วชีวิตเลยว่ามันยากมากแค่ไหน ผมไม่รู้ว่าตอนที่ผมร้องไห้ ผมดีใจ ผมเสียใจ หรือผมโมโห ความรู้สึกมันผสมกันไปหมดจนไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทั้งประทับใจทั้งโกรธว่าทําไมเราต้องเจออะไรขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้”

เพราะเป็นคอนเสิร์ตที่เจ้าตัวตั้งใจทำมากๆ เป็นคอนเสิร์ตที่ถูกเลื่อนก่อนจะขึ้นเล่นไม่เกินสัปดาห์ มาถึงสองครั้ง ตั้งแต่ปี 2563-64 และแฟนเพลงต้องกำบัตรรอถึง 2 ปีกว่าจะได้ดู พี่โป้ลงมือทำเองทุกอย่างตั้งแต่ต้น ทั้งคอนเซปต์ การเลือกเพลง นักดนตรี แขกรับเชิญ ของที่ระลึก ตลอดจนอาหารระหว่างประชุมกับทีมงาน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่พี่โป้ควบคุมอาหารและเข้าฟิตเนสอย่างตั้งอกตั้งใจ เข้าคอรส์ปรับปรุงการออกเสียงและการแสดง เรียกว่าทุ่มสุดตัวทุกสเต็ป จึงทำให้คอนเสิร์ตครั้งนั้นเป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตที่น่าจดจำไม่มีวันลืมของพี่โป้ไปโดยปริยาย

ตำนานบทใหม่ คอนเสิร์ตอะคูสติกเต็มรูปแบบครั้งแรก

เพิ่งจะจัดคอนเสิร์ตไปเมื่อเดือนมิถุนายน โยคีเพลย์บอยเตรียมกลับมาอีกครั้งกับคอนเสิร์ตแนวอะคูสติกเต็มรูปแบบครั้งแรกนับตั้งแต่อยู่ในวงการดนตรีมาอย่างยาวนานกว่า 28 ปี กับคอนเสิร์ตที่ใช้ชื่อว่า คอนเสิร์ตนั่งใกล้ กับ ‘Yokee Playboy’ คืนนี้ขอ…The Unexpected Acoustic Night

“ทางโรงละครเคแบงก์ สยามพิฆเนศ ติดต่อมาว่าอยากให้ทำคอนเสิร์ตแนวอะคูสติก เราก็คิดว่าเราเองก็ไม่เคยทำคอนเสิร์ตแนวอะคูสติกเต็มรูปแบบมาก่อน เลยอยากลองดูสักทีเหมือนกัน”

“ความท้าทายในการทำคอนเสิร์ตอะคูสติกเต็มรูปแบบคือ เราจะเรียบเรียงอารมณ์เพลงยังไงให้มันไปต่อได้หลายชั่วโมงโดยไม่น่าเบื่อ เพราะปกติผมว่าอะคูสติกเล่นไปแค่ 4-5 นาทีมันก็เริ่มอิ่มแล้ว แต่โชว์นี้มันต้องยืดไปสองชั่วโมง เราก็เลยต้องกลับมาคิดให้ดีว่าจะทำยังไงให้โชว์มันออกมาดี ไม่น่าเบื่อ ให้คนดูมีส่วนร่วมกับเราระหว่างโชว์ได้ และมีซีนบางอย่างที่คนอื่นเขาไม่มีกัน”

ซึ่งแน่นอนว่าพี่โป้ขอปิดเป็นความลับจนกว่าจะถึงวันงาน แต่สิ่งที่บอกได้ในตอนนี้โดยไม่ต้องรอคือ รายชื่อแขกรับเชิญพิเศษ ที่งานนี้พิเศษสุดๆ จริงๆ นั่นคือ น้องชินา ลูกสาวของพี่โป้ ที่สนใจด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ และกำลังสนใจด้านการร้องเพลงอย่างจริงจังในช่วงนี้ คุณพ่อคนเก่งเลยขอพาลูกสาวคนสวยมาเปิดตัวให้แฟนๆ ได้เห็นความสามารถของลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นคนนี้ด้วย

ส่วนแขกรับเชิญอีกคนหนึ่ง จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อรอรีย์ ศิลปินที่พี่โป้เคยเป็นมือเบสให้ และเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นศิลปินของพี่โป้จวบจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

ส่วนรูปแบบของโชว์ที่พยายามถามเท่าไร แต่พี่โป้ก็พยายามปิดบังอยู่ตลอดเพราะอยากเซอร์ไพรส์คนดูให้มากที่สุด เท่าที่เราจะแอบเรียบๆ เคียงๆ ถามมาได้ พี่โป้บอกว่า “มันจะเหมือนกับชีวิตประจำวันในวันหนึ่งๆ เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว สิ่งเหล่านั้นเราจะดึงมาใช้ในคอนเสิร์ตนี้ครับ”

นอกจากรูปแบบของคอนเสิร์ตที่จะไม่เหมือนคอนเสิร์ตอื่นๆ ที่เคยทำมาก่อนแล้ว เพลงที่ร้องก็ย่อมแตกต่างจากที่เคยด้วยเช่นกัน โดยพี่โป้เปิดเผยว่า มีแฟนเพลงรุ่นมัธยมเขียนจดหมายมาบอกเราว่า เพลงของเรามีความหมายกับเขาในทุกช่วงชีวิตของเขาเลย พอเห็นชื่อเพลง แล้วก็กลับมาคิดว่าพี่โป้เองก็ยังไม่เคยเล่นเพลงนี้ที่ไหน ก็เลยคิดว่าอยากจะเล่นเพลงนี้ให้ทุกคนได้ฟังเหมือนกัน คอนเสิร์ตในครั้งนี้จัดตอนกลางวัน ไม่ได้จัดตอนกลางคืนตามผับตามบาร์อะไร ก็หวังว่าแฟนๆ ที่มาชมคอนเสิร์ตในครั้งนี้จะมีทั้งแฟนเพลงเก่าและแฟนเพลงใหม่ๆ เข้ามาดูกันให้เยอะๆ

คอนเสิร์ตนั่งใกล้ กับ ‘Yokee Playboy’ คืนนี้ขอ…The Unexpected Acoustic Night จัดแสดงในวันที่ 12 ตุลาคม 2567 ณ โรงละครเคแบงก์ สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน บัตรราคา 3,500 / 3,000 / 2,500 / 2,000 และ 1,500 บาท เปิดขายบัตรแล้วที่เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น THE CONCERT

หากใครพลาดคอนเสิร์ต The Unexpected Night จาก The Unexpected Person คนนี้ไปก็คงน่าเสียดายแย่ แต่พี่โป้ โยคีเพลย์บอยแอบกระซิบมาว่า จากความสำเร็จของคอนเสิร์ต LEGACY PRESENTS YOKEE PLAYBOY ๒๕๓๙ อัลบั้ม Yokee Playboys พี่โป้เลยเตรียมจะจัดคอนเสิร์ตอัลบั้มสอง Super Swinging ที่จะเล่นตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้ายโดยไม่ข้ามแม้แต่เพลงเดียวให้แฟนๆ ได้ฟังกันอย่างจุใจอีกเช่นเคย 

…แม้ว่าพี่โป้จะบอกว่ายุคนี้ไม่ใช่ยุคของเขาแล้ว แต่เราเชื่อสุดหัวใจว่ายังมีพื้นที่ว่างให้กับศิลปินผู้รักเสียงเพลง และเต็มไปด้วยแพสชั่นในการทำเพลงมาตลอดเกือบ 30 ปีคนนี้อยู่เสมออย่างแน่นอน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า