ชุลมุน ! ชาวบ้านลอม ตร.ปราบยาเสพติด สงสัยยิงวัยรุ่นเสียชีวิต

เกิดเหตุชุลมุล ! ตำรวจเมืองยะลาบุกจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด แต่ชาวบ้านโดนลูกหลงถูกยิงเสียชีวิต ญาติลั่นเอาผิด พร้อมตั้งข้อสงสัยการทำงานตำรวจปราบปรามยาเสพติด

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2561 เวลา 21.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอกประวิตร ช้อเส้ง ผู้กำกับการ สภ.เมืองยะลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณถนนเวฬุวัน อำเอเมืองยะลา เมื่อไปถึงพบศพนายอาหะมะโมสะอะ อายุ 30 ปี นอนเสียชีวิตจมกองเลือดริมถนน สภาพถูกกระสุนปืนบริเวณลำคอ 1 นัด ห่างกันประมาณ 20 เมตร พบซองอาวุธปืนตกอยู่

และหลังเกิดเหตุก็ได้เกิดความชุลมุนขึ้น เนื่องจากชาวบ้านไม่พอใจ และตั้งขอสงสัยถึงการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ หลังทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจนายหนึ่ง จนต้องมีการปิดกั้นทางเข้าออกไม่ให้ชาวบ้านที่เหลือเข้ามายังจุดเกิดเหตุ จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.30 น.จึงได้นำศพพร้อมญาติส่งไปยังโรงพยาบาลยะลา และนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตำรวจชุดดังกล่าว ได้เข้าปิดล้อมขนำบริเวณหลังหมู่บ้าน ซึ่งเป็นแหล่งมั่วสุ่มของกลุ่มวัยรุ่นหลังยาเสพติดที่มีการระบาดอย่างหนัก แต่กลุ่มวัยรุ่นสามารถหลบไปได้ ตำรวจจึงได้ติดตาม จนเห็นนายอาหะมะ เดินอยู่ข้างทาง และล็อกตัวเพื่อจับกุม แต่นายอาหะมะ ไม่ยอมจนถูกยิงเสียชีวิตในที่สุด ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยะลา 10 ได้เก็บวัตถุพยานไว้ทั้งปลอกกระสุน และเขม่าดินปืน รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่ก่อเหตุ

ทางญาติผู้เสียชีวิตเผยว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุนายอาหะมะ รับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ภายในร้าน และแม่ค้าก็ยืนยันว่าตอนนั้นอยู่ในร้านจริง เมื่อนายอาหะมะ รับประทานเสร็จได้เดินออกจากร้านเพียง 50 เมตร ก็ถูกตำรวจชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา แต่งกายนอกเครื่องแบบพยายามมจับกุมและลากขึ้นรถ แต่นายอาหะมะ ไม่ยอม จนเกิดการทำร้ายร่างกายชกต่อย และมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก่อนที่นายอาหะมะ จะล้มฟุบลงกับพื้น ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ไม่พอใจ จึงกรูกันเข้ามาสอบถามว่าทำผิดอะไรถึงขั้นต้องยิง จึงขอความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

ขณะที่พลตำรวจตรีกฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ทราบตำรวจชุดดังกล่าวแล้ว และหากตรวจสอบพบว่าก่อเหตุจริง จะเอาผิดทั้งทางอาญา และทางวินัยตามกฎหมาย พร้อมให้ความเป็นธรรมกันทุกฝ่าย และยืนยันจะไม่มีการช่วยเหลืออย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งเร่งรัดดำเนินการทางวินัยต่อไป