ดีเบตเลือกตั้ง 62 I 7 พรรค ประชันวิสัยทัศน์ “ทำภาคใต้ให้น่าอยู่ ชูการเมืองคุณภาพ”

วันที่ 22 ก.พ. 62 สถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ เเละเวิร์คพอยท์นิวส์ ได้จัดดีเบต ประชันวิสัยทัศน์ “ทำภาคใต้ให้น่าอยู่ ชูการเมืองคุณภาพ” ณ เวทีหาดพุมเรียง จ.สุราษฎร์ธานี โดยมี บรรจง ชีวมงคลกานต์ และ ตรัย นุ่มแก้ว รับหน้าที่พิธีกร

มีตัวแทนจาก 7 พรรคการเมือง ประกอบด้วย 1. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา 2. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 3. พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย

4. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ 5. พล.ท.ดร.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ 6. ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ผู้วางยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และ 7. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการหาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา

พล.อ.สนธิ ได้เสนอแนวทางปฏิรูปการผลิตยางพารา โดยยกตัวอย่างประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่ผลิตเป็นยางแท่ง ส่งขายทางยุโรป อเมริกา แต่ประเทศไทยผลิตเป็นยางแผ่น ซึ่งตอนนี้ตลาดมีความต้องการน้อย แต่ถ้าผลิตเป็นยางแท่งมากขึ้น ราคายางก็จะดีขึ้นตามไปด้วย โดยขั้นต้นหากเป็นรัฐบาล จะพยายามให้ราคายางไม่ต่ำกว่า 60 บาท ต่อ กก.

และจะเน้นการกระจายอำนาจ ถ้าจังหวัดใดมีประสิทธิภาพดูแลตัวเองได้ ก็จะสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าจังหวัดต่อไป

ส่วนแนวทางในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คือ เน้นให้ จนท.ท้องถิ่น ดูแลจัดการ แล้วกระทรวงมหาดไทยให้การสนับสนุน

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

นายนิพิฏฐ์ ชูนโยบายประกันราคายางพารา ที่ 60 บาทต่อ กก. และประกันราคาปาล์มที่ 4 บาทต่อ กก. หากราคาในตลาดไม่ถึง รัฐก็จะจ่ายส่วนต่างให้ และใช้นโยบายโฉนดชุมชน หรือโฉนดสีฟ้า เพื่อช่วยผู้ที่ไม่มีโฉนดทำกิน ไม่มี นส.3 ให้ได้รับสิทธิ์ในการประกันราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมถึงการแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับชาวประมง

ส่วนในการพัฒนาทางด้านคมนาคม ก็จะสร้างถนนสายใหม่ คู่กับถนนเอเชีย คือถนนมอเตอร์เวย์ โดยสร้างจากสุไหงโก-ลก ขึ้นไปยังกรุงเทพฯ

การแก้ไขปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ต้องทำให้คนหายจน ให้ความรู้เพื่อประกอบอาชีพ และต้องมีการเจรจาทุกฝ่าย ลดความระแวง ความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน คงกฎอัยการศึกไว้ในบางพื้นที่เท่านั้น

 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย

พล.ท.นันทเดช กล่าวว่า จะช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยการประกันราคายางพาราที่ 80 บาท ต่อ กก. แต่ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เงินรั่วไหล และจะสร้างระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพ อาทิ รถไฟรางคู่ เป็นต้น

รวมถึงสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าของจังหวัดต่างๆ แต่ในช่วงแรก จะให้ประชาชนเสนอชื่อเข้ามาส่วนหนึ่ง แล้วมหาดไทยเสนอชื่อมาอีกส่วนหนึ่ง รัฐบาลทำการคัดเลือกแล้วแต่งตั้ง เพื่อให้ ปชช.เกิดความคุ้นเคย ก่อนนำไปสู่การที่ให้ประชาชนเลือกตั้งผู้ว่าจังหวัดได้โดยตรง

ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ท.นันทเดช กล่าวว่า จะต้องแยกการเมืองออกจากพื้นที่ แล้วใช้กลไกของรัฐกับประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันแก้ไขปัญหา

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การแก้ปัญหาราคายางพารา จำเป็นต้องนำเงินของรัฐเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้เกษตรกรอยู่รอด ซึ่งจากการวิเคราะห์แล้ว ราคายางอาจพุ่งได้ถึง 110 บาท ต่อ กก. แต่การไปถึงจุดนั้นได้ ต้องอาศัยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้น จะมีการปฏิรูปภาษี รวมถึงพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของทางภาคใต้ เพื่อทำให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนมากขึ้น

ส่วนนโยบายหลักของพรรคประชาชาติ ก็คือ การเป็นรัฐสวัสดิการ เช่น ผู้สูงอายุจะได้รับความช่วยเหลือ 3 พันบาทต่อเดือน และให้การศึกษาฟรีแบบมีคุณภาพ ถึงระดับปริญญาตรี

ในการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จะเน้นไปที่การเจรจาด้วยความจริงใจ

พล.ท.ดร.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

พล.ท.ดร.พงศกร กล่าวถึงการแก้ปัญหาราคายางพาราว่า ในการแก้ปัญหาระยะยาว จะต้องเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตทั้งหมด ต้องมีการแปรรูปแล้วส่งออก โดยรัฐบาลให้การสนับสนุน ส่วนในระยะสั้น ในช่วงที่ราคายังตกต่ำ รัฐจะมีการชดเชยให้ในราคาที่เหมาะสม

และจะมีการจัดสรรงบประมาณระหว่างงบประมาณแผ่นดิน กับท้องถิ่น อย่างเป็นธรรม ที่ 50 ต่อ 50 เพื่อให้อำนาจท้องถิ่นในการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง รวมถึงมีการกระจายอำนาจ เพื่อให้ชาวใต้มีอำนาจในการบริหารท้องถิ่น

ส่วนการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ท.ดร.พงศกร กล่าวว่า จะต้องยกเลิกกฎอัยการศึก เน้นใช้กำลังตำรวจมากกว่าทหาร ให้ทหารถอยออกมาเป็นกองหนุน เพราะถ้ายังมีทหารอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก จะเข้าเงื่อนไขของการเกิดสงครามภายใน อาจจะกำหนดให้เป็นเขตปกครองพิเศษ ให้ชาวพุทธกับมุสลิมมีอำนาจที่เท่าเทียมกัน เพื่อตัดสินโครงการต่างๆ ของตัวเอง

ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ผู้วางยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ

ดร.รงค์ กล่าวถึงนโยบายในช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา และปาล์มน้ำมันว่า พรรคมีนโยบาย สปก.4.0 เพื่อช่วยเหลือดูแลเกษตรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และจะมีการสนับสนุนให้นำน้ำยาง หรือผลิตผลของยางไปใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ มากขึ้น และหาวิธีลดต้นทุนต่อหน่วยของปาล์ม เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น

ในการพัฒนาด้านคมนาคมของทางภาตใต้ ก็จะต่อยอดจากรัฐบาลปัจจุบันของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่หลายโครงการได้เริ่มดำเนินการแล้ว อาทิ รถไฟรางคู่ เป็นต้น รวมถึงแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ต่อยอดบัตรสวัดิการแห่งรัฐ จากรัฐบาลชุดปัจจุบัน

ส่วนนโยบายการแก้ปัญหาความรุนแรงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ดร.รงค์ เห็นว่า มีความจำเป็นต้องคงกฎหมายพิเศษไว้ ควบคู่ไปกับการเจรจาอย่างสันติ เพื่อลดความขัดแย้ง และปรับความเข้าใจ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการหาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงการแก้ปัญหายางพาราว่า จะใช้กลไกในการบริหารจัดการเข้าไปแก้ปัญหา 3 แนวทางคือ 1.เพิ่มปริมาณการใช้ในประเทศ เพราะปัจจุบัน มีการส่งออกยางพาราถึง 85 % แต่ใช้ภายในประเทศเพียง 15 % อิทธิพลจึงอยู่กับผู้ซื้อจากต่างประเทศ 2. ส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า 3. ควบคุมปริมาณผลผลิต โดยเริ่มจากการลดพื้นที่การเพาะปลูกยางพารา

และยืนยันว่า ถ้าพรรคไทยรักษาชาติได้เป็นรัฐบาล จะเป็นรัฐบาลของทุกคน พร้อมทำงานให้กับคนทุกภาคอย่างเท่าเทียมกัน

ส่วนการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น  นอกเหนือจากการเจรจา ยอมรับความแตกต่าง ก็จะนำกลไกทางเศรษฐกิจเข้าไปร่วมด้วย

ส่วนนโยบายเกี่ยวกับงบประมาณกระทรวงกลาโหมนั้น พรรคไทยรักษาชาติ กับพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอย่างชัดเจนว่า เห็นว่าต้องปรับลดงบประมาณลง แต่พรรครวมพลังประชาชาติไทย เห็นว่า ไม่ควรปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม โดยให้เหตุผลว่า โลกมีแนวโน้มถูกคุกคามจากภัยก่อการร้าย ส่วนพรรคอื่นๆ ให้คำตอบในประเด็นนี้ไม่ชัดเจนนัก