Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

  • มูลค่าทางตลาดของเงินดิจิทัลเช่น Bitcoin, Ethereum, Litecoin หรือ Dash นั้นรวมกันเป็นตัวเลขที่สูงถึง 150 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
  • เหตุผลที่นักลงทุนให้ความสนใจในการลงทุนกับค่าเงินนี้อาจเป็นเพราะว่า พวกเขาต้องการเป็นเจ้าของเงินที่ไม่ผูกติดกับรัฐ และอาจจะเป็นทางออกที่ดีหากเกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อค่าเงินทั่วไปอย่างมาก

 

ปัจจุบัน มูลค่าของ Bitcoin นั้นกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยขยับขึ้นจาก 1,500 เหรียญดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคมพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 5,000 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะตกลงเล็กน้อย

“เมื่อไม่นานมานี้ทางสื่อได้เริ่มหันมาให้ความสนใจกับ Bitcoin มากขึ้นทำให้มีนักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับมันมากกว่าเดิม” นาย Kiran Varughese นักลงทุนมือสมัครเล่นซึ่งทำงานให้กับบริษัทติดตั้งลิฟท์ในดูไบกล่าว เขาและเพื่อนอีกคนหนึ่งได้รวบรวมเงินทั้งหมด 1,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเพื่อลงทุนใน Bitcoin โดยเขากล่าวว่า พวกเขาไม่ได้กังวลว่าจะเสียเงินเยอะ เพราะความเป็นไปได้ในการได้รับผลตอนแทนคืนที่สูงนั้นมันคุ้มกับความเสี่ยงที่ได้ลงทุนไป

แต่การลงทุนในเงินดิจิทัลเช่น Bitcoin, Ethereum, Litecoin และ Dash นั้นเสี่ยงเกินไปหรือไม่? ถึงแม้ว่ามูลค่าทางตลาดของเงินดิจิตอลจะรวมกันเป็นตัวเลขที่สูงถึง 150 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เงินสกุลนี้ก็ยังถือเป็นสิ่งที่ใหม่อยู่ในโลกทางการเงิน

“มันเป็นเรื่องน่าสนใจและถือเป็นความสำเร็จอย่างมากที่ Bitcoin ผ่านช่วงที่ยากลำบากมาได้จนถึงทุกวันนี้” นาย Garrick Hileman นักวิจัยประจำสถาบันการเงินทางเลือก Cambridge โดยหนึ่งในปัญหาที่ Bitcoin ได้เผชิญนั่นคือเมื่อกลุ่มคนผู้ใช้ Bitcoin ได้มีความเห็นที่แบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายเรื่องจะทำอย่างไรเพื่อเพิ่มการประมวลผลธุรกรรมทาง Bitcoin ให้มากขึ้น เหตุเนื่องมาจาก Bitcoin นั้นไม่มีผู้มีอำนาจอย่างเช่นรัฐควบคุมการใช้เงิน ทำให้ต้องเสาะหาความเห็นจากกลุ่มคนผู้ใช้ Bitcoin จนกว่าจะได้เสียงโหวตที่มากพอ

เมื่อคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย Bitcoin ตรวจสอบธุรกรรม ข้อมูลหรือ “บล็อค” จะถูกแยกประเภทการจัดเก็บข้อมูลใน ledger โดยคอมพิวเตอร์ที่ผ่านกระบวนการประเมินผลข้อมูลจะได้รับผลตอบแทนเล็กน้อยจาก Bitcoins ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกกันว่า mining โดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนเครือข่ายนั้นมีการอัพเดทตลอดเวลา แต่เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการจำกัดความจุของ “บล็อค” หรือปริมาณการเก็บข้อมูลของเครื่องให้มีเพียง 1 เมกะไบต์ ในทุกๆ 10 นาที นั่นหมายความว่า การมูลค่าการเติบโตของบล็อคนั้นได้มีการจำกัด แต่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เงินดิจิตอล Bitcoin Cash รุ่นใหม่ได้มีการเริ่มใช้งาน โดยบล็อคของเงินรุ่นนี้สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 8  เมกะไบต์ นักวิจัยเชื่อว่า หากระบบของ Bitcoin นั้นได้มีการพัฒนาในด้านการป้องกันปัญหาทางด้านเทคนิคเช่นนี้ มูลค่าของ Bitcoin นั้นจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก คาดว่าในเดือนพฤศจิกายนที่กำลังจะถึงนี้จะมีการเพิ่มบล็อคให้เก็บข้อมูลได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่สกุลเงินนี้ก็ยังไม่ได้เป็นที่ใช้สอยอย่างแพร่หลายพอ

“มีครั้งหนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่ผมโทรไปถามภัตตาคารในกรุง Helsinki ว่าเขารับเงินสกุล Bitcoin หรือไม่ พวกเขากล่าวว่าเขาได้ลองแล้ว แต่ไม่มีใครใช้มันเลยได้ยกเลิกการใช้งาน” นาย Vili Lehdonvirta นักเศรษฐศาสตร์จาก Oxford Internet Institute ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย Oxford ยกตัวอย่าง ถึงแม้ว่า Bitcoin จะดูเหมือนเป็นสกุลเงินที่ยากต่อการนำมาใช้ได้ในชีวิตจริง นักวิจัยกล่าวว่า เหตุผลที่นักลงทุนให้ความสนใจในการลงทุนกับค่าเงินนี้อาจเป็นเพราะว่า พวกเขาต้องการเป็นเจ้าของเงินที่ไม่ผูกติดกับรัฐ และอาจจะเป็นทางออกที่ดีหากเกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อค่าเงินทั่วไปอย่างมาก เหตุการณ์ตึงเครียดทางการเมืองเช่น สถานการณ์ยืดเยื้อกับประเทศเกาหลีเหนือยังมีส่วนทำให้บุคคลทั่วไปเริ่มมองหาทางออกทางด้านการเงินที่แตกต่างกว่าเดิม นาย Peter Todd ผู้เชี่ยวชาญการเงินดิจิตอลซึ่งจับตาดู Bitcoin มาอย่างใกล้ชิด กล่าวว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองซึ่งเกิดมาจากการควบคุมของรัฐ ยกตัวอย่างเช่นในประเทศอินเดีย เมื่อรัฐต้องการให้ภาคเอกชนลดการลงทุนในทองเพราะเห็นว่าทำให้เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลง ทำให้คนทั่วไปเริ่มมองหาตัวเลือกที่ให้อิสระมากกว่า แต่ถึงแม้ว่า Bitcoin จะไม่ได้เป็นของประเทศใดประเทศหนึ่ง การเทรดเงินสกุลนี้ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอยู่ในบางประเทศ

ปัญหาซึ่งใหญ่มากอีกอย่างหนึ่งของการเทรดในตลาด Bitcoin นั้นคือเรื่องของความเสี่ยงที่อาจจะโดนล้วงข้อมูลทางออนไลน์หรือที่เรียกว่าโดนแฮก ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง โดยในเคสส่วนใหญ่นั้นบุคคลเหล่านี้ไม่ได้รับเงินกลับมา อีกทั้งการลงทุนแบบใหม่อย่าง initial coin offerings หรือ ICOs นั้นกำลังเป็นที่ถกเถียงและน่ากังวลใจสำหรับผู้เชี่ยวชาญหลายๆคน โดยผู้ใช้ ICOs นั้นสามารถใช้เงินดิจิตอลเพื่อลงทุนในบริษัทต่างๆได้ ซึ่งทางประเทศจีนนั้นได้เรียกการลงทุนนี้ว่าเป็นการระดมทุนอย่างผิดกฎหมายและได้สั่งห้ามการลงทุนประเภทนี้เป็นที่เรียบร้อย “เมื่อทุกสิ่งมีผลตอนแทนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น” Todd กล่าว และเมื่อมีนักลงทุนมากมายซึ่งพร้อมที่จะยอมรับความเสี่ยงของเงินดิจิตอล แฮกเกอร์และโจรกรรมทางออนไลน์ก็มีการพัฒนาวิธีการขโมยเงินให้ยากแก่การโดนจับได้เช่นกัน ณ ปัจจุบัน เงินดิจิตอลก็ยังคงเป็นหัวข้อที่มีการถกเถียงกันอยู่อย่างมาก ซึ่งอนาคตของการทำธุรกรรมประเภทนี้นั้นยังไม่เป็นที่แน่นอนและยังคงต้องมีการจับตาดูสถานการณ์ต่อไป

 

 

ที่มา: BBC

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า