Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เหตุการณ์สุดเศร้า สาววัย 38 ปี โดนสาดน้ำกรด ต้องเสียชีวิตคาแท็กซี่ เรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นอย่างไร และ ทำไมถึงเกิดประเด็นร้อนแรง กับโรงพยาบาลพระราม 2 นี่คือบทสรุป 17 ข้อ ของเหตุการณ์นี้

1) 9 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 05.00 หญิงสาวชื่อเล่น “ช่อ” ผู้เคราะห์ร้าย วัย 38 ปี ถูกสามี ชื่อเล่น “หมู” สาดน้ำกรดใส่ ที่บ้านในเขตบางขุนเทียน

2) นายหมู เปิดเผยว่าแค้นใจที่ถูก น.ส.ช่อ ตีตัวออกห่าง ดังนั้นจึงจงใจ สาดน้ำกรดที่ใบหน้า ต้องการจะให้เสียโฉม แต่ไม่คิดจะว่าจะเสียชีวิต และเมื่อสาดน้ำกรดเสร็จ นายหมู หลบหนีไปกบดาน ที่อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ทันที

3) น.ส.ช่อ ในตอนแรกไม่ทราบว่าที่เธอโดนสาดคือน้ำกรด เธอเข้าใจว่าเป็นน้ำร้อน เพราะรู้สึกแสบร้อนไปทั้งหน้า จึงพยายามเอายาสีฟันมาทาทั่วใบหน้า โดยมีความเชื่อว่า จะทำให้อาการทุเลาได้ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ทำให้ลูกสาว “น้องเต” วัย 12 ปี รีบพาแม่ไปส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยขึ้นแท็กซี่ไปจากหน้าบ้าน

4) น.ส.ช่อ ในตอนแรกยังพอมีสติ สามารถเดินได้ และสื่อสารรู้เรื่อง เธอบอกแท็กซี่ว่าให้ไปที่โรงพยาบาลบางมด ซึ่งเธอมีสิทธิประกันสังคมอยู่ อย่างไรก็ตาม ยิ่งผ่านไปแต่ละนาที อาการของเธอก็หนักขึ้นเรื่อยๆ แท็กซี่ เห็นอาการของคนเจ็บ ดูท่าทางจะทรมานไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจไปหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ซึ่งได้แก่ โรงพยาบาลพระราม 2

5) เมื่อไปถึงโรงพยาบาล น.ส.ช่อพยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทว่าไม่มีแพทย์อยู่ ณ ห้องฉุกเฉินตรงนั้น มีเพียงพยาบาลอยู่ 1 คนเท่านั้น พยาบาล เมื่อเห็นน.ส.ช่อมียาสีฟันเต็มใบหน้า จึงถามว่าไปล้างออกก่อนได้ไหม น.ส.ช่อ จึงไปล้างออก แต่ยังมีอาการเจ็บปวดทรมานอยู่เช่นเดิม

6) โรงพยาบาลพระราม 2 ระบุว่า ความจริงแล้วมีแพทย์เฝ้าเวร แต่ ณ เวลานั้น แพทย์เข้าห้องน้ำ ตอนที่คนไข้เข้ามาที่โรงพยาบาลพอดี ซึ่งแพทย์อยู่ในห้องน้ำนาน พยาบาลยังไม่ทันได้แจ้ง

7) โรงพยาบาลแจ้งว่า พยาบาลคนดังกล่าว ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ฟังสัญญาณชีพ ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ และแนะนำให้คนไข้นอนที่โรงพยาบาลดีกว่า แต่คนไข้ปฏิเสธ เพราะกลัวเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่จะบานปลาย ดังนั้นจึงปฏิเสธการรักษา และจะเดินทางไปต่อที่โรงพยาบาลบางมด ที่ตัวเองมีสิทธิประกันสังคมอยู่ ทางรพ.พระราม 2 จึงโทรแจ้งกับ รพ.บางมด ว่าจะมีคนไข้อาการนี้ เข้าไปรักษา

8) โรงพยาบาลอธิบายว่า ตามหลักแล้ว ถ้าคนไข้ต้องการใช้สิทธิประกันสังคม รถที่ต้องมารับตัวคนไข้ ต้องเป็นรถจากโรงพยาบาลที่คนไข้ถือสิทธิ (ในที่นี้คือ รพ.บางมด) อย่างไรก็ตาม พยาบาล ได้แนะนำว่า ถ้าหากรีบ ให้ขึ้นแท็กซี่ไปจะสะดวกกว่า เพราะไม่ต้องรอรถจากรพ.บางมด ทั้งนี้ไม่มีรายงานว่า รพ.พระราม 2 เสนอจะให้ใช้รถพยาบาล ของโรงพยาบาลตัวเองนำไปส่งให้

9) พยาบาล ถามลูกสาวว่า มีเงินนั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลบางมดหรือไม่ น้องเต ควักกระเป๋าทั้งหมดมีเงินอยู่ 50 บาท จากนั้นพยาบาลจึงให้เงินสมทบอีก 40 บาท เพื่อให้นั่งแท็กซี่ไปที่อีก รพ.หนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่เปล ของโรงพยาบาลเป็นคนเรียกแท็กซี่ให้

10) น.ส.ช่อ จึงขึ้นแท็กซี่ไปกับลูกสาว เพื่อไปให้ถึงรพ.บางมด แต่สุดท้าย ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตบนแท็กซี่

11) หลังจากเหตุการณ์ผ่านมา 1 วัน ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำโดยทนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ได้รับเรื่อง และตัดสินใจให้ความช่วยเหลือเรื่องคดีความ โดยเข้ามาพูดคุยกับผู้บริหารของโรงพยาบาล ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

12) ทนายอัจฉริยะ พาครอบครัวของผู้ตาย และ นำโลงศพของน.ส.ช่อไปวางไว้ที่หน้าโรงพยาบาล และมีการถกเถียงกับ นายแพทย์พีระ คณานวัตน์ ที่ปรึกษาของโรงพยาบาลพระราม 2 อย่างรุนแรง โดยทนายอัจฉริยะตะโกนว่า “จะถอนใบอนุญาตมึง” และประกาศว่าจะไปร้องเรียนที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเอาผิดกับโรงพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน

13) โรงพยาบาลพระราม 2 อธิบายว่า ถ้าหากคนไข้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน ที่เรียกว่า UCEP ทางโรงพยาบาลจะดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม รพ.อ้างว่า อาการของ น.ส.ช่อ ในวันที่เข้ารับการรักษา ไม่เข้าเกณฑ์ UCEP

“ภาวะ UCEP นี่นะคะ มันมีเกณฑ์ของมันอยู่ ก็คือ 1-คนไข้ต้องหมดสติไม่รู้สึกตัว 2-คนไข้หายใจไว แล้วหอบหืดรุนแรง 3-ซึมลงหรือว่าเหงือแตกบริเวณลำตัว 4-อ่อนแรงครึ่งซีก และ 5-อาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ซึ่งคนไข้คนนี้ไม่ได้เข้าเกณฑ์ของ UCEP ค่ะ” แพทย์จาก โรงพยาบาลพระราม 2 อธิบาย

14) ผู้สื่อข่าวถามโรงพยาบาลว่า มีกล้องวงจรปิดหรือไม่ เพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์บริเวณห้องฉุกเฉินได้อย่างชัดเจน และเห็นภาพทุกอย่าง แต่โรงพยาบาลอธิบายต่อว่า ในห้องฉุกเฉินไม่มีกล้องวงจรปิด มีเพียงแค่ช่วงทางเดินเท่านั้น

15) ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายหมู ผู้ก่อเหตุที่หลบหนีไปนครสวรรค์ได้เรียบร้อย และส่งตัวกลับมาที่ สน.ท่าข้าม เจ้าของคดี โดยแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น นายหมูรับสารภาพ โดยกล่าวว่า เขาไปหาน้ำกรด แล้วใส่ไปในแก้วกาแฟ ก่อนสาดเข้าไปที่ใบหน้าของผู้ตาย โดยตอนทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ป้าของผู้ตายตะโกนว่า “มึงฆ่าหลานกูทำไม”

16) ในวันนี้ (12 พ.ย.) ทนายอัจฉริยะ มายื่นเรื่องกับ กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งแพทยสภา เพื่อขอให้ดำเนินคดีโรงพยาบาลเอกชน รวมทั้งแพทย์ พยาบาล ของโรงพยาบาลพระราม 2 ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

17) ล่าสุด นายแพทย์ประภาส รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบแล้ว ว่าโรงพยาบาลดำเนินการตามเงื่อนไขสถานพยาบาลหรือไม่ และถ้าพบว่า รพ.ไม่ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งความผิดสูงสุดมีโอกาสเพิกถอนใบอนุญาต และทางญาติผู้ตาย สามารถเรียกร้องเสียหายทางแพ่งได้ ถ้าพบว่ามีความผิดจริง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า