หมอยอร์นเจอข้อหาหนัก พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

หมอขับรถทับ รปภ. และลากไปไกลกว่า 20 เมตร โดนแจ้ง 4 ข้อหาหนัก หนึ่งในนั้นคือพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

จากกรณี นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 ขับรถชน นายสมชาย ยามดี หรือนัท รปภ.กระทรวงสาธารณสุข แล้วลากไปไกลกว่า 20 เมตร เหตุเกิดภายในกระทรวงสาธารณสุข เวลา 20.30 น. เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา จนนายสมชายได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู รพ.พระนั่งเกล้า

https://www.youtube.com/watch?v=RT9QgQ5z6fM

โดยเมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (14 พ.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นพ.ยอร์น ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย และเมาแล้วขับ แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะปฏิเสธการทดสอบระดับแอลกอฮอลล์ ซึ่งในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบระดับแอลกอฮอลล์ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้น ฝ่าฝืนขับขี่รถขณะเมาสุรา

ต่อมา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รรท. รอง ผบ.ตร. และ โฆษก ตร. เดินทางเข้าสอบสวน นพ.ยอร์น ร่วมกับพนักงานสอบสวน เบื้องต้น นพ.ยอร์น ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้ดื่มสุราหรือมึนเมาขณะขับขี่ แต่ยอมรับว่าวันนั้นไม่ได้ยินยอมให้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์จริง

ส่วนที่ผู้ก่อเหตุชนแล้วไม่หยุดรถ พร้อมกับลากผู้บาดเจ็บไปไกลกว่า 20 เมตรนั้น เมื่อสังเกตุจากพฤติการณ์ไม่หยุดรถ ทางเจ้าหน้าที่ต้องนำพยานแวดล้อมมาพิจารณาประกอบด้วย ว่ามีแนวโน้มตั้งใจหรือเจตนาหรือไม่ ถ้าเจตนา ข้อหาก็จะเปลี่ยนไป หรือเพิ่มข้อหา เช่น พยายามทำร้ายร่างกาย หรือข้อหาที่หนักกว่านั้น เบื้องต้นจากการสอบพยานแวดล้อมให้การว่า หลังเกิดเหตุพบคุณหมอนั่งมองพื้น คุยโทรศัพท์ ซึ่งก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า เมาสุราหรือไม่

นางสาวกาลเวลา เสาเรือน ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ลงพื้นที่ไปยังบ้านเช่าของคุณนัทที่อาศัยอยู่กับภรรยาและลูกอีก 2 คน ซึ่งภรรยาของ รปภ. ท่านนี้เปิดใจว่า “ครั้งแรกที่เห็นคลิปเหตุการณ์ แทบไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับสามี ยังแคลงใจว่าเป็นไปได้อย่างไรที่คู่กรณีไม่รู้ว่าทับและลากร่างของสามีตน เพราะคนทั้งคน รวมถึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม” ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างยุติธรรมที่สุด

ขณะที่วันนี้ นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมกรมคุ้มครองสิทธิมนุษยชน พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมอาการของนายสมชายที่ รพ.พระนั่งเกล้า เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ป่วยตามกฎหมายคุ้มครองสิทธิที่จะได้รับ รวมถึงการเยียวยาตามกฎหมายที่เรารับผิดชอบด้วย

ส่วนอาการบาดเจ็บ นายแพทย์สกล สุขพรหม รอง ผอ. ฝ่ายการแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า ได้เผยว่า “ยังอยู่ในภาวะวิกฤติ ไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีอาการเลือดคั่งและเลือดออกภายในสมอง ซึ่งต้องประเมินอาการกันวันต่อวัน”

ล่าสุด พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงคดีนี้ว่า หลังจากได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายและภาพวิดิโอ มีการตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มได้แก่

1.ขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส

2.ขับขี่รถยนต์ขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส

3.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานปฎิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์

4.พยายามฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

การกระทำของผู้ต้องหามีต่างกรรมต่างวาระคือวาระแรกได้ขับรถชนประตูจนเจ้าหน้าที่ รปภ. ล้มลงไป วาระที่สองคือมีการหยุดรถประมาณ 25 วินาที จากนั้นได้เคลื่อนรถต่อซึ่งถือว่าไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นข้อหาหนัก มีอัตราโทษ 2 ใน 3 ของโทษประหารชีวิต หรือว่าจำคุกตลอดชีวิต คือจำคุก 15 – 20 ปี

สำหรับที่มีคนอ้างว่าในวันเกิดเหตุมีการโทรประสานกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้มาขอนั้น ตนยืนยันว่าไม่มี คดีนี้ตนเป็นคนกำกับดูแลงานด้านสอบสวนด้วยตัวเองและยืนยันว่าคดีนี้กระทำแบบตรงไปตรงมาโปร่งใส ตนให้ความสำคัญกับคนเจ็บเท่าเทียมกัน ถึงผู้กระทำมีตำแหน่งสูงยิ่งต้องมีวุฒิภาวะสูงเช่นกัน คดีนี้จะทำแบบตรงไปตรงมาไม่เลือกปฏิบัติจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ขณะที่ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขานุการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือ ขอให้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเมาไม่ขับ เพื่อลดข้อครหาในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีการแจ้งข้อกล่าวหาว่าขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์ และทางมูลนิธิเมาไม่ขับจึงได้มีหนังสือมาเพื่อขอให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มดังกล่าว

นพ.แท้จริง กล่าวว่า “สาเหตุที่หมอไม่ให้ตรวจแอลกอฮอล์มีประเด็นเดียว คนปกติที่จะไม่ให้ตรวจคือคนที่ที่รู้ว่าตัวเองเมา คนที่ไม่เมาต้องบริสุทธิ์ใจให้ตรวจ จะได้หมดข้อกล่าวหา ในปัจจุบันนี้ให้อยู่ในดุลพินิจอย่างเดียว ซึ่งการใช้ดุลพินิจแบบนี้เป็นอันตราย ตำรวจควรที่จะต้องตรวจแอลกอฮอล์ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุต้องให้เป็นมาตรฐานในการต้องตรวจแอลกอฮอล์

สำหรับกรณี นพ.ยอร์น ที่ปฎิเสธการตรวจแอลกอฮอลชัดเจนว่าปฎิเสธการตรวจแอลกอฮอล์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่ท่านเป็นหมอทำงานในกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นต้นกำเนิดของโครงการเมาไม่ขับที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หลังจากนี้ตนจะเดินทางไปกระทรวงสาธารณสุขขอให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนวินัยต่อไป”