SHARE

คัดลอกแล้ว

ในการเลือกตั้งครั้งหน้าในปี 2562 การได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีจะแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา ผู้ที่มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะไม่ใช่เพียง ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้ง 500 คน แต่รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อีก 250 คนที่มาจากการแต่งตั้งด้วย

รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้ปรับเปลี่ยนคุณสมบัติและวิธีการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีไปจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหลายประการ ประการแรกก็คือ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. แต่ต้องมีชื่อเป็น 1 ใน 3 รายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอไว้ก่อนการเลือกตั้ง ว่ามีความประสงค์จะส่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะที่การเลือกตั้งเมื่อครั้งที่แล้วเมื่อปี 2554 ซึ่งใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 กำหนดไว้ชัดเจนว่า “นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.”

สิ่งที่แตกต่างอีกประการก็คือเรื่องที่ว่า ใครบ้างที่มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยในการเลือกตั้งปี 54 มีเพียง ส.ส. ในสภา 500 คนเท่านั้น ที่มีสิทธิ์โหวตรับรองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ต้องได้เสียงสนับสนุน “เกินกึ่งหนึ่ง” ของสภาผู้แทนราษฎร หรือก็คืออย่างน้อย 251 เสียง

สำหรับรัฐธรรมนูญ 2560 ได้เขียนบทเฉพาะกาลไว้ในมาตรา 272 ให้ ส.ว. ทั้ง 250 คน มีสิทธิ์ในการร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย นั่นหมายความว่าผู้มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ จะประกอบไปด้วย ส.ส. จากการเลือกตั้ง 500 คน และ ส.ว. จากการแต่งตั้งอีก 250 คน รวมแล้ว 750 คน นั่นแปลว่าผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ จะต้องได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของ “สภาร่วมของ ส.ส. และ ส.ว.” หรือก็คืออย่างน้อย 376 เสียงนั่นเอง

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญปี 60 ได้กำหนดไว้ว่า ส.ว. จากการแต่งตั้งทั้ง 250 คนนั้น มี 6 คนที่ได้เป็น ส.ว. ตามตำแหน่งโดยอัตโนมัติ ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ส่วน ส.ว. อีก 244 คนที่เหลือ มาจากการแต่งตั้งโดย คสช.

 

ติดตามข่าวที่น่าสนใจได้ที่ workpointnews.com

Facebook / facebook.com/WorkpointNews/

Instagram / instagram.com/workpointnews/

Twitter / twitter.com/WorkpointShorts

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า