เปิดใจ 5 นักตบลูกยาง สร้างประวัติศาสตร์ในเอเชียนเกมส์ครั้งสุดท้าย

ทีมข่าวเวิร์คพอยท์สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ 5 นักวอลเลย์บอลขวัญใจคนไทยอย่าง ‘กัปตันหน่อง’ ปลื้มจิตร์ ถินขาว, ‘กิ๊ฟ’ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, ‘อร’ อรอุมา สิทธิรักษ์, ‘ซาร่า’ นุศรา ต้อมคำ และ ‘ปู’ มลิกา กันทอง หลังร่วมสร้างประวัติศาสตร์พาทีมลูกยางสาวคว้าเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ 2018

วิลาวัณย์ อดีตกัปตันวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยเปิดเผยว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ร่วมพาทีมทะลุผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศจนคว้าเหรียญเงินสำเร็จเป็นครั้งแรก

ขณะที่ปลื้มจิตร์ กัปตันทีมลูกยางคนปัจจุบันบอกว่าทีมของเราผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ทั้งผิดหวังตกรอบ 8 ทีมก็มีมาแล้ว หรือร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์มาก็เยอะ ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ตนเองและประเทศไทยได้ภูมิใจ

‘กัปตันหน่อง’ ปลื้มจิตร์ ถินขาว

ทีมข่าวยิงคำถามแข่งกับทีมชาติจีนนัดชิงฯ เป็นอย่างไรบ้าง ด้านอรอุมาตอบว่าเห็นทุกคนในทีมสู้ด้วยพลังอย่างเต็มที่ แม้เราจะเสียเปรียบเรื่องรูปร่างก็ตาม

ส่วนนุศราพูดถึงแมตช์พบญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ว่า สองเกมนี้ค่อนข้างหนัก เนื่องจากเกมแรกที่เจอฟิลิปปินส์ฟอร์มออกตัวเราไม่ดีนัก แล้วต้องคิดหนักเพราะในวันที่สองต้องพบกับญี่ปุ่นอีกด้วย แต่ก็ตัดสินใจสู้เต็มที่

ในตอนนั้นคิดว่าถ้าเราชนะญี่ปุ่นได้ ก็จะไปไขว่สายพบกับเกาหลีใต้ซึ่งจะเบาหน่อย โอกาสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศก็ค่อนข้างสูง แต่ถ้าเราเป็นที่สองของสายก็ต้องไปเจอจีนเลย หนทางเข้ารอบชิงฯ ก็น้อยลง

‘กิ๊ฟ’ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์

ดังนั้นโค้ชได้วางแผนวางตัวผู้เล่นแบบทำอย่างไรถึงจะเอาชนะญี่ปุ่นได้ เพราะในศึกวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีกเราก็แพ้ญี่ปุ่นมา รวมถึงทำอย่างไรถึงจะเข้ารอบ 4 ทีมด้วยสำหรับมลิกาเปิดเผยกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่า ทั้งก่อนเกมและหลังเกมภายในทีมก็จะคอยให้กำลังใจกันและกัน เรารู้อยู่แล้วว่านัดชิงฯ เป็นรองจีน แต่นักกีฬาทุกคนก็พยายามเต็มสุดความสามารถ

และด้วยเอเชียนเกมส์ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับ 5 สาว ทางกัปตันหน่องจึงเล่าถึงความทรงจำในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งที่ผ่านมารวมถึงครั้งนี้ว่า หลายครั้งที่ประทับใจ หลายครั้งที่ต้องผิดหวัง อย่างครั้งที่เราตกรอบ 8 ทีม ในเอเชียนเกมส์ 2010 ที่กว่างโจว ประเทศจีน

เป็นเหตุการณ์ที่ฝังอยู่ในใจเพราะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ไทยตกรอบ 8 ทีม โดยครั้งนั้นเราแพ้เกาหลีเหนือ จึงทำให้เป็นแผลอยู่ในใจตลอด เมื่อแข่งรอบ 8 ทีมรายการใดก็รู้สึกกดดันมาก ว่าเราต้องชนะให้ได้อย่างครั้งล่าสุดที่อินโดนีเซีย

‘อร’ อรอุมา สิทธิรักษ์

ปลื้มจิตร์กล่าวต่อว่า ช่วงเตรียมลงแข่งกับเกาหลีใต้ในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ คุยกันว่าใส่ให้หมดเรียกว่าทุบหม้อข้าวทิ้งกันเลย แต่พอชนะผ่านเข้ารอบชิงฯ ก็เหมือนได้ปลดปล่อย ดีใจไปหมด

กิ๊ฟ วิลาวัณย์ ที่ผ่านเอเชียนเกมส์มาแล้วถึง 4 ครั้ง ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ 5 นักตบลูกยางสาวเลิกเล่นในเอเชียนเกมส์ว่า ด้วยอายุที่มากขึ้นซึ่งตอนนี้ก็เลขสามกันแล้ว อีก 4 ปีข้างหน้าไม่รู้ว่าสมรรถภาพร่างกายจะยังฟิตหรือไม่

แต่เอเชียนเกมส์ครั้งนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะคว้าเหรียญเงินมาครองได้ เพราะดูจากรายชื่อนักกีฬาแต่ละชาติแล้วส่งชุดใหญ่มาลงสนามทั้งหมด

ด้านอรอุมาเปิดเผยความรู้สึกต่อทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยว่า ประทับใจที่อยู่ด้วยกันมานาน ตั้งแต่เอเชียนเกมส์ 2014 ที่กาตาร์จนถึงวันนี้เหมือนเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของชีวิต ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดเวลา

‘ซาร่า’ นุศรา ต้อมคำ

ขณะที่ ซาร่า นุศรา กล่าวว่า เราทุกคนก็เหมือนครอบครัวๆ หนึ่ง มีทั้งหัวเราะ ร้องไห้ ทะเลาะกันบ้าง ขัดใจกันบ้าง ยกยอกันบ้าง หากคนใดคนหนึ่งต้องอำลาไปก็ต้องคิดถึงแน่นอน เพราะอย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เคยสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันมา

นอกจากนี้กัปตันหน่องยังเผยถึงความเชื่อเรื่องโชคลางของทีมวอลเลย์บอลสาวไทยอีกด้วย โดยเล่าว่าหลังจากแข่งขันกับเกาหลีใต้เสร็จ เราได้มีการเลือกสีเสื้อด้วยว่าสีไหนถูกโฉลกกับทีมในการแข่งขันนัดชิง

โดยเราเลือกสีน้ำเงินซึ่งเราก็ขอใส่สีนี้ แต่ทางจีนกลับลงล็อกไว้แล้วว่าจะใส่เสื้อสีน้ำเงิน เราเองก็ต้องหลีกทางให้แล้วใส่เสื้อสีขาววันที่เราชนะเกาหลีแทน

ปลื้มจิตร์ย้ำว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ในทีมก็เชื่อกันหมด ใส่ชุดชั้นในชุดไหน ต้องใส่ชุดเดิม นั่งรถบัสตำแหน่งไหน ต้องนั่งที่เดิมห้ามเปลี่ยนที่ เป็นต้น

ทั้งนี้ 5 สาวนักตบลูกยางขวัญใจยืนยันยังเล่นวอลเลย์บอลอยู่ แต่เฉพาะเอเชียนเกมส์เท่านั้นที่เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งทางกัปตันทีมบอกว่า หลายคนคิดว่าเราเลิกเล่นแล้ว แต่เราแค่เลิกเล่นในเอเชียนเกมส์เท่านั้น

‘ปู’ มลิกา กันทอง

สำหรับทีมวอลเลย์บอลหญิงต่อจากนี้ก็ยังมีแมตช์ต่อเนื่อง อย่างเอวีซีที่ จ.นครราชสีมา รวมถึงแมตช์ชิงแชมป์โลกที่ญี่ปุ่น เรายังคงซ้อมและพัฒนาทีมต่อไป

นอกจากนี้นักวอลเลย์บอลรุ่นพี่ยังกล่าวถึงรุ่นน้องตอนนี้ว่า มีศักยภาพมากกว่ารุ่นพี่ๆ มาก ทั้งเรื่องของสรีระและฝีมือก็ดีกว่าเราตอนอายุเท่าพวกเขา

ถ้าน้องๆ มุ่งมั่นอดทน สู้กับตัวเองได้ อีก 4 ปีข้างหน้า ก็น่าจะทำผลงานได้ดีกว่าพวกเรา เพราะด้วยต้นทุนที่มีมากกว่าอย่างการดูแลด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาก็เอื้อมากกว่าสมัยเรา จึงมองว่าโอกาสที่จะทำผลงานได้ดีกว่าค่อนข้างสูง

สุดท้าย กัปตันหน่องพร้อม 4 สาว ขอให้แฟนๆ เป็นกำลังใจและติดตามเชียร์พวกเราและน้องๆ เหมือนรุ่นที่พวกเราเล่น โดยมีความเชื่อว่ารุ่นหลังจะสร้างประวัติศาสตร์ ได้ดีกว่าพวกเราอย่างแน่นอน