แฟรงค์เฟิร์ตถลุงบาเยิร์น 3-1 คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลในรอบ 30 ปี

ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ตโชว์ฟอร์มสวยหรู ถล่มบาเยิร์น มิวนิค 3-1 คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลในรอบ 30 ปี

จากเกมเดเอฟเบ โพคาลรอบชิงชนะเลิศเมื่อคืนที่ผ่านมา ณ สนามโอลิมปิก สตาร์ดิโอน ในกรุงเบอร์ลิน ไฮไลท์ในเกมนัดนี้คือ เป็นการดวลกันระหว่าง “จุ๊ปป์ ไฮน์เกส” กุนซือที่ประกาศวางมืออย่างแน่นอนแล้วหลังจบฤดูกาลนี้ กับทางด้าน นิโก้ โควัช กุนซือหนุ่มผู้ที่จะเข้ามาคุมเสือใต้แทนที่ของปู่จุ๊ปป์ในฤดูกาลหน้า เกมนัดนี้จึงเป็นโอกาสที่โควัชจะแสดงความเชื่อมั่นให้ทางบาเยิร์นเห็นว่า เขาคือคนที่เหมาะสมกับบาเยิร์น มิวนิค

นิโก้ โควัช กุนซือไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต

ซึ่งเกมนี้เป็นทางแฟรงค์เฟิร์ตที่ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของนักเตะบาเยิร์น และทำการโต้กลับกดเสือใต้ได้ถึง 3 เม็ด แม้จะมีดราม่าจากจังหวะท้ายเกม ที่ต้องมีการดู VAR กันถึง 2 จังหวะ คือจังหวะได้ประตูขึ้นนำ 2-1 ที่นักเตะบาเยิร์นประท้วงว่าบอลได้โดนมืออันเต้ เรบิชก่อนที่เขาจะยิงประตู

และอีกจังหวะที่เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง ไปหวดเข้าที่เท้าของ ฆาบี้ มาร์ติเนซ เต็มๆ ในกรอบเขตโทษ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ผู้เล่นบาเยิร์นไปเรียกร้องให้เฟลิกซ์ ซวาเยอร์ ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวดู VAR แต่เมื่อผู้ตัดสินดู VAR แล้วไม่ได้ให้เป็นลูกจุดโทษแต่อย่างใดกลับให้แค่เตะมุม และไม่กี่วินาทีถัดจากนั้น แฟร้งค์เฟิร์ตสวนกลับไปยิงประตู 3-1 และคว้าแชมป์แชมป์เดเอฟเบ โพคาลไปครองในรอบ 30 ปี

ปู่จุ๊ปป์ ไฮน์เกส กับการคุมบาเยิร์นนัดสุดท้าย ในฐานะรองแชมป์

นิโก้ โควัช ดีพอมั้ยกับฐานะกุนซือเสือใต้?

บาเยิร์น มิวนิค คือหนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป และพวกเขาคือทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลเยอรมัน คนที่จะนั่งแท่นเป็นกุนซือของทีม “เอฟซี ฮอลลี่วู้ด” ได้ล้วนแล้วแต่เป็นกุนซือที่มีประสบการณ์และมากด้วยความสำเร็จมาแล้วทั้งนั้น หากย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา บาเยิร์นมีกุนซือเก่งๆ มากมายที่มาคุมทีมไล่ล่าความสำเร็จ ตั้งแต่ท่านนายพล อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์, เยอร์เก้น คลิ้นส์มันน์, หลุยส์ ฟาน กัล, จุ๊ปป์ ไฮย์เกส, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ คาร์โล อันเชลอตติ

คงต้องตอบกันตามความจริงว่าชื่อของ นิโก้ โควัช ยังไม่สามารถเทียบอดีตกุนซือเหล่านี้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางอูลี่ เฮอร์เนส ประธานสโมสรบาเยิร์นก็ได้ออกมากล่าวเองว่า นิโก้ โควัช คือตัวเลือกลำดับ 3 โดยอันดับหนึ่งเป็นโธมัส ทูเคิ่ล ที่เพิ่งตอบตกลงเป็นกุนซือคนใหม่ของเปเอสเชยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสไปแล้ว ส่วนตัวเลือกอันดับสองคือจุ๊ปป์ ไฮย์เกส แต่กุนซือวัย 73 ได้ยืนกรานปฏิเสธเพราะอิ่มตัวแล้ว นิโก้ โควัชจึงขึ้นแท่นเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมในฤดูกาลหน้าท่ามกลางความกังขาว่า โควัชดีพอหรือไม่กับการคุมบาเยิร์น

นิโก้ โควัช (ซ้าย) และ โรเบิร์ต โควัช (ขวา) สมัยค้าแข้งกับบาเยิร์น มิวนิค ภาพจากทวิตเตอร์ @FCBayern

หากดูผลงานการคุมทีมที่ผ่านมาของนิโก้ โควัชก็ต้องยอมรับว่า เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยโควัชเคยผ่านงานคุมทีมชาติโครเอเชียชุดลุยฟุตบอลโลก 2014 และชุดยูโร 2016 แต่โดนไล่ออกก่อนทัมนาเมนต์ยูโร 2016 เริ่ม เพราะเกือบทำทีมตกรอบคัดเลือก จากนั้นโควัชเข้ามาจับงานคุมทีมในระดับสโมสรครั้งแรกกับไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ตในเดือนมีนาคม 2016

โดยสถานการณ์ในช่วงท้ายฤดูกาลนั้นค่อนข้างย่ำแย่เขาพาทีมเก็บ 9 แต้มจาก 4 นัดท้ายของฤดูกาลปกติ ทำให้ต้องไปเพลย์ออฟลุ้นรอดตาย เนิร์นแบร์ก แต่ในซีซ่นต่อมาโควัชพาแฟรงค์เฟิร์ตขึ้นไปจบในอันดับ 11 ของตารางและทะลุเข้าชิงเดเอฟเบ โพคาลในปีนั้น แต่ก็ไปพ่ายให้กับดอร์ทมุนด์ 2-1

ส่วนในฤดูกาลนี้เขาพาทีมขึ้นมาจบในอันดับ 8 และยังพาทีมเข้าชิงเดเอฟเบ โพคาลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และพวกเขายังคว้าชัยเหนือยอดทีมอย่างบาเยิร์น มิวนิคด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 3-1 การคว้าแชมป์ครั้งนี้กับการคุมทีมระดับแฟรงค์เฟิร์ตของโควัช ถือเป็นการวร้างเครดิตในการส่งสัญญาณให้ว่าที่สโมสรใหม่รู้ว่าในฐานะอดีตนักเตะเก่าของเอฟซี บาเยิร์นอย่างเขา (นิโก้ โควัช เคยค้าแข้งอยู่กับบาเยิร์นพร้อมกับโรเบิร์ต โควัช น้องชายช่วงปี 2001-2003) ดีพอที่จะคุมทีมคว้าความสำเร็จในอนาคตต่อไป

โพสต์ที่แชร์โดย kicker (@kicker) เมื่อ พ.ค. 20, 2018 เวลา 2:21am PDT

โพสต์ที่แชร์โดย DFB-Pokal (@dfb_pokal) เมื่อ พ.ค. 19, 2018 เวลา 1:36pm PDT

ที่มา       Rebic ruins Heynckes farewell as Frankurt shock Bayern in cup final