Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ครบทศวรรษ ‘อิเกีย’ ดำเนินธุรกิจในไทย วาง 5 กลยุทธ์หลักขับเคลื่อน 10 ปีถัดไป ‘ใส่การออกแบบ-ลดราคาสินค้า-มุ่งความยั่งยืน-เข้าใจความต้องการท้องถิ่น-ขยายฐานลูกค้า B2B’

วันที่ 28 ต.ค. 2564 ‘อิเกีย’ แบรนด์ร้านขายเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านจากสวีเดน จัดงานแถลงข่าวครบรอบ 10 ปีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมประกาศ 5 กลยุทธ์หลักในการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ที่จะทำให้อิเกียเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ อิเกียเปิดให้บริการครั้งแรกในไทยเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2554 ที่ศูนย์การค้าเมกาบางนา ซึ่งเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อจากประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย

โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อิเกียนั้นดูเหมือนจะได้รับการตอบรับจากชาวไทยเป็นอย่างดี เห็นได้จากสถิติตัวเลขผู้เข้าใช้บริการที่สโตร์ในปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 13,000 ราย/วัน ในวันธรรมดา และเฉลี่ย 33,000 ราย/วัน ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

ส่วนเว็บไซต์ของอิเกียที่ให้บริการในไทยมาตั้งแต่ปี 2562 นั้น ปัจจุบันมีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เฉลี่ย 80,000 ราย/วัน สร้างยอดขายให้กับอิเกียได้เป็นสัดส่วน 20% จากยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีจำนวนสมาชิก IKEA Family มากกว่า 800,000 ราย

นอกจากนี้ยังมีสถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น

-โซฟาที่ครองใจคนไทย ได้แก่ รุ่น Klippan, Kivik, และ Ektorp

-เมนูมีทบอลถูกขายให้คนไทยไปแล้วเป็นปริมาณ 165 ตัน

-ฮอตด็อกถูกขายไปแล้วกว่า 1.3 ล้านชิ้น

-ถุงฟ้ารุ่น Frakta ขายแล้ว 1.63 ล้านใบ

-ตุ๊กตาผ้าสุนัขโกลเด้น ขายแล้ว 300,000 ตัว

-สินค้าขายดีช่วง Work From Home คือ สินค้าสำนักงาน, เครื่องครัวชิ้นเล็กๆ และอุปกรณ์จัดเก็บบ้านให้เป็นระเบียบ

‘ทอม ซูเทอร์’ ผู้จัดการสโตร์ อิเกีย บางใหญ่ กล่าวว่า สำหรับในทศวรรษต่อๆ ไป อิเกีย ประเทศไทย จะเดินหน้าขยายฐานลูกค้า พัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ ขยายการรับรู้แบรนด์ในวงกว้างมากขึ้น

นำเสนอเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยา มีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืน และดูแลพนักงานให้มีความก้าวหน้าในอาชีพและมีชีวิตที่ดี โดยขับเคลื่อนผ่าน 5 กลยุทธ์หลัก คือ

1.การออกแบบที่ใส่ใจทุกแง่มุม (Democratic Design) เป็นหลักปฏิบัติในการทำงานของอิเกียทั่วโลกประกอบด้วย 5 แนวคิด คือ รูปทรง, ประโยชน์ใช้สอย, คุณภาพ, ความยั่งยืน และราคาย่อมเยา

2.สินค้าราคาลดลงกว่าเดิม (Even Lower Price: ELP) โดยในทุกๆ ปี อิเกียจะคัดสินค้ายอดนิยมมาปรับลดราคาเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่คุณภาพคงเดิม ด้วยหลักการยิ่งซื้อมาก เรายิ่งลดราคาให้มาก

โดยในปีงบประมาณ 2565 (ก.ย. 2564 – ส.ค. 2565) อิเกีย ประเทศไทย ลงทุนกว่า 150 ล้านบาทเฉพาะในหมวดของสินค้าราคาลดลงกว่าเดิม เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยได้ใช้สินค้าที่ดีในราคาย่อมเยา มีมากกว่า  600 รายการ

3.ความยั่งยืน (Sustainability) ที่เป็น DNA ของแบรนด์อิเกีย ที่จะคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกๆ กระบวนการ โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อิเกีย ประเทศไทย สามารถประหยัดพลังงานและเงินได้ถึง 34 ล้านบาทจากการติดตั้งโซลาร์เซลล์ และมีอัตราการรีไซเคิลขยะในสโตร์มากกว่า 70%

4.กลยุทธ์ตลาดระดับโลกที่เข้าใจความต้องการท้องถิ่น (Global marketing locally relevant) อิเกีย ได้ทำเข้าใจความต้องการของลูกค้าชาวไทย และรูปแบบการใช้ชีวิตในบ้าน ผ่านการเยี่ยมชมบ้าน (Home Visit) กว่า 300 หลัง และรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับแผนการตลาด และการให้บริการต่างๆ

5.ขยายฐานลูกค้า B2B ผ่าน IKEA For Business นำเสนอโซลูชั่นครบวงจร รวมถึงบริการให้คำปรึกษา ออกแบบและตกแต่งภายใน สำหรับลูกค้าองค์กรธุรกิจทุกประเภท ทุกขนาด ให้ลูกค้าสามารถเริ่มต้นธุรกิจในฝันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ภายในงบประมาณที่ตั้งไว้

ทอม ยังกล่าวอีกว่า “เป้าหมายสำคัญของเราใน 10 ปีถัดไปของเรา คือ การก้าวเป็นผู้นำในการผลักดันเทรนด์ความยั่งยืน โดยลงมือทำจริง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้อย่างจริงจัง”

“ส่วนเป้าหมายในเชิงธุรกิจ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่เรามองว่าอีคอมเมิร์ซยังเป็นช่องทางที่มีโอกาสในตลาดประเทศไทย รวมทั้งเราเองก็หั่นราคาสินค้า

“ดังนั้น ใน 10 ปีข้างหน้า เราคิดว่าอย่างน้อยเราก็น่าจะเติบโตเท่ากับ 10 ปีที่ผ่านมา คือเฉลี่ยโต 5% ต่อปี มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้น 22% และรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ในระดับที่ดีได้” ทอมกล่าว

ด้าน ‘อมตบุญ ศาสตรสุข’ รองผู้จัดการสโตร์ อิเกีย บางนา กล่าวว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้น อิเกียผ่านมาตั้งแต่การทำให้คนไทยเข้าใจคอนเซ็ปต์การซื้อของจากอิเกีย จนปัจจุบันลูกค้าคุ้นเคยมากขึ้น และเข้าใจว่าประสบการณ์การซื้อสินค้าในอิเกีย ทำให้ได้ซื้อสินค้าคุณภาพในราคาย่อมเยา

กระทั่งผู้บริโภคเริ่มปรับตัวมาสู่การซื้อออนไลน์มากขึ้น จนปัจจุบันช่องทางออนไลน์มีสัดส่วน 20% ของยอดขายทั้งหมดแล้ว

“มาตรการคลายล็อกทำให้ลูกค้ากลับมาเยี่ยมชมสโตร์มากขึ้น ซึ่งทำให้ลูกค้าได้มาเดินชม สัมผัสสินค้า พูดคุยกับพนักงาน และน่าจะช่วยดันยอดขายให้กลับมาปกติได้ในปีหน้า” อมตบุญกล่าว

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า