วัคซีน 2 เข็มทุกสูตรเมื่อเจอเชื้อ ‘โอไมครอน’ ภูมิลดลง

สธ.เผยผลทดสอบภูมิคุ้มกันวัคซีน 2 เข็มทุกสูตรเมื่อเจอเชื้อโอไมครอน ภูมิลดลง สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าการกลายพันธุ์ของโอไมครอนน่าจะหลบวัคซีนได้  ย้ำเร่งฉีดเข็ม 3 เพิ่มภูมิคุ้มกัน

วันที่ 17 ม.ค. 2565 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันจากวัคซีนในการป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน โดยเก็บตัวอย่างเลือดหรือซีรั่มของผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว 8 สูตรที่ใช้ฉีดในไทย คือ ซิโนแวค – แอสตร้าฯ , แอสตร้าฯ – แอสตร้าฯ, ไฟเซอร์ – ไฟเซอร์ , ซิโนแวค – ไฟเซอร์ , แอสตร้าฯ – ไฟเซอร์, ซิโนแวค – ซิโนแวค – แอสตร้าฯ, ซิโนแวค – ซิโนแวค – ไฟเซอร์ และ แอสตร้าฯ – แอสตร้าฯ – ไฟเซอร์  ซึ่งได้มีการเก็บเลือดหลังจากรับวัคซีนแล้ว 2-3 สัปดาห์  ถือเป็นระดับที่มีภูมิคุ้มกันมากพอที่จะต่อสู้เชื้อโรคต่างๆ ได้ 

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ผลพบว่าภูมิคุ้มกันในเลือดเราที่เคยต่อสู้กับเดลตาได้ค่อนข้างดี แต่เมื่อเจอกับโอไมครอนแล้วลดลงทุกสูตร ซึ่งสอดคล้องกับข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าการกลายพันธุ์ของโอไมครอนน่าจะหลบวัคซีนได้  ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกผลการทดสอบใกล้เคียงกัน

นพ.ศุภกิจ ยังกล่าวว่า สำหรับการทดสอบต่อสายพันธุ์โอไมครอนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย ฉีด 2 เข็ม และ 3 เข็มซึ่ง ไม่ว่า 2 เข็มสูตรใดในขณะนี้กับสายพันธุ์โอไมครอนกันได้ไม่มาก ซิโนแวค – แอสตร้าฯ  ขึ้นมา 11.63, แอสตร้าฯ – แอสตร้าฯ ขึ้นมา 23.81, ไฟเซอร์ – ไฟเซอร์ ขึ้นมา 19.17, ซิโนแวค – ไฟเซอร์ ขึ้นมา  21.7, แอสตร้าฯ – ไฟเซอร์ ขึ้นมา  21.21

ส่วนกลุ่มที่ฉีด 3 เข็ม ภูมิขึ้นมาค่อนข้างดี คือ ซิโนแวค – ซิโนแวค – แอสตร้าฯ ขึ้นมา 71.64, ซิโนแวค – ซิโนแวค – ไฟเซอร์ ขึ้นมา 282.5 และแอสตร้าฯ – แอสตร้าฯ – ไฟเซอร์  ขึ้นมา 222.9

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า อันนี้คือตัวเลขภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์ แต่กลไกการต่อสู้กับเชื้อโรคนั้นไม่ได้มีแค่ภูมิในน้ำเลือดเท่านั้น แต่ยังมีเซลล์เม็ดเลือดขาวที่จดจำไวรัสได้ก็จะออกมาช่วยกันจัดการ เพียงแต่อันนี้เราวัดภูมิในน้ำเลือดที่จะไปลบล้างฤทธิ์ของไวรัส เมื่อเทียบการจัดการเชื้อเดลตา กับโอไมครอนนั้นลดลงไป อย่างเช่น สูตรซิโนแวค+แอสตร้าฯ เดิมเคยจัดการกับเดลตาได้ 201 พอเป็นโอไมครอนเหลือเพียง 12 เท่ากับว่าหายไป 17 เท่า ลดลงค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงต้องมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อให้ภูมิคุ้มกันมากพอที่จะลดการแพร่เชื้อและลดการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนก็ตาม