Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

KKP ชวนสำรวจการเปลี่ยนแปลงในตลาดหุ้นไทย 5 ข้อที่นักลงทุนควรเข้าใจก่อนลงสนามเทรด

ดร.ณชา อนันต์โชติกุล ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่าย KKP Research บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) บอกว่า ในช่วงที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดทุนไทย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 ข้อด้วยกัน ได้แก่

1. ตลาดทุนมีบทบาทมากขึ้นในระบบการเงินไทย โดยพบว่า 61% ของเงินทุนภายในประเทศมาจากการระดมทุนผ่านตลาดทุน แบ่งเป็นตลาดหุ้น 34% พันธบัตรรัฐบาล 20% และหุ้นกู้เอกชน 7% จากเดิมที่ภาคธนาคารเคยมีบทบาทกว่าครึ่งหนึ่ง

5-things-you-should-know-before-trading-thai-stocks

ข้อดีของการระดมทุนผ่านตลาดทุนที่เพิ่มขึ้นคือ เป็นการระดมทุนทางตรงโดยไม่ผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร และถือเป็น ‘ยางอะไหล่’ หากเกิดวิกฤตธนาคารล้มอย่างในปี 2540

อย่างไรก็ตาม การระดมทุนผ่านตลาดทุนยังมีข้อจำกัดในแง่ที่บริษัทต้องมีความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นการระดมทุนทางตรง ดังนั้น จึงยังมีความเหลื่อมล้ำสูงระหว่างบริษัทขนาดเล็กและบริษัทขนาดใหญ่

นอกจากจะมีบทบาทต่อระบบการเงินไทยที่สูงแล้ว ปัจจุบันตลาดทุนยังมีมูลค่าคงค้างสูง 120% ของจีดีพีอีกด้วย

2. โครงสร้างธุรกิจในตลาดทุนเปลี่ยนแปลงไป เทรนด์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สัดส่วนธุรกิจในตลาดทุนไทยเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน จากเดิมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จะเป็นกลุ่มพลังงาน กลุ่มโทรคมนาคม และกลุ่มธนาคาร แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นเทรนด์กลุ่มเฮลท์แคร์ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มโลจิสติกส์ขึ้นมานำตลาดมากขึ้น

5-things-you-should-know-before-trading-thai-stocks

อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังปรับตัวได้ไม่เร็วนัก สะท้อนจากธุรกิจใหญ่ในตลาดหุ้นไทย ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในเศรษฐกิจแบบเก่า (Old Economy) แตกต่างจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปัจจุบันกลุ่มเทคโนโลยีกลายเป็นกลุ่มที่ขึ้นมานำตลาด

3. ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยลดลงต่อเนื่อง โดยคาดว่ามาจากโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเก่า แม้ว่าผลตอบแทน 20 ปีย้อนหลังของ SET จะสูงถึง 22% เมื่อเทียบกับ MSCI World ที่ 19%

5-things-you-should-know-before-trading-thai-stocks

แต่ในช่วง 10 ปีย้อนหลัง พบว่า ผลตอบแทนของ SET ลดลงเหลือ 5% เท่านั้น เมื่อเทียบกับ MSCI World ที่ 14% ส่วนในช่วง 5 ปีย้อนหลัง ผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 1% เท่านั้น เมื่อเทียบกับ MSCI World ที่ 10%

จะเห็นว่าเทรนด์ผลตอบแทนของ SET ทยอยปรับตัวลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งแพ้เงินฝากประจำในช่วง 5 ปีย้อนหลังล่าสุด นอกจากนี้ ส่วนต่างผลตอบแทนยิ่งถ่างขึ้นเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นโลก

จากเทรนด์ผลตอบแทนที่ลดลง ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติทยอยลดการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกมาต่อเนื่องกว่า 8 แสนล้านบาทในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มูลค่าซื้อขายและสภาพคล่องของตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นอันดับ 1 ในอาซียน

4. โครงสร้างนักลงทุนเปลี่ยนแปลงไป เมื่อพิจารณาสัดส่วนการถือครอง จะพบว่า นักลงทุนต่างชาติเหลือสัดส่วนถือครองหุ้นไทยเพียง 28% นักลงทุนสถาบันในประเทศ 10% และนักลงทุนอื่นๆ 62%

แต่หากดูสัดส่วนการมีส่วนร่วมในตลาด กลับพบว่า นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อขายสูงถึง 46% รองลงมาคือนักลงทุนรายย่อย 39% และนักลงทุนสถาบันในประเทศ 7%

5. เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการซื้อขายในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นคำตอบของข้อด้านบนว่า เหตุใดนักลงทุนต่างชาติถึงยังมีส่วนร่วมในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างสูง คำตอบคือ การใช้โปรแกรมเทรด

โดยพบว่าเทรนด์นักลงทุนต่างชาติเคลื่อนย้ายมาเทรดด้วยคอมพิวเตอร์ (Algorithmic Trading: Algo Trading) และระบบซื้อขายความเร็วสูง (High Frequency Trading: HFT) มากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน Algo Trading มีสัดส่วนสูงถึง 40% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด

สำหรับนักลงทุนต่างชาติ พบว่า 34% เป็นการซื้อขายโดยโปรแกรมเทรด โดยเป็น Non-HFT 23% และ HFT 11% ส่วนใหญ่การซื้อขายจะกระจุกอยู่ในหุ้น SET50 ซึ่งไม่ส่งผลต่อนักลงทุนรายย่อย

5-things-you-should-know-before-trading-thai-stocks

จาก 5 การเปลี่ยนแปลงข้างต้น KKP มองว่า จะเป็นประโยชน์หากนักลงทุนเข้าใจเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งโครงสร้างตลาดทุนไทยที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รวมถึงการเข้ามาของ Algo Trading ที่อาจส่งผลให้กองทุนเชิงรับ (Passive Fund) ได้ประโยชน์มากขึ้น ซึ่งนักลงทุนควรต้องจับเทรนด์ลงทุนใหม่ๆ ที่เข้ามา

นอกจากนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้นักลงทุนรายย่อยเข้าใจว่า การใช้โปรแกรมเทรด ไม่ใช่ตัวร้าย และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยทั่วไปซึ่งเทรดหุ้นนอก SET50 แต่อาจกระทบต่อนักลงทุนรายใหญ่ หรือกลุ่มที่เทรดรายวัน (Day Trade) ที่ต้องทำกำไรแข่งกับคอมพิวเตอร์

เมื่อสอบถามถึงการเก็บภาษีขายหุ้น ดร.ณชา ระบุว่า แน่นอนว่าการเก็บภาษีขายหุ้นจะกระทบเสน่ห์เดียวของตลาดหุ้นไทย ซึ่งก็คือมูลค่าการซื้อขายและสภาพคล่องที่สูงที่สุดในอาเซียน ซึ่งเป็นโจทย์ที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า