แม่ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ลูกสาวชั้นอนุบาลถูกรุ่นพี่ 3 คน ล่วงละเมิดทางเพศในห้องน้ำโรงเรียน

มูลนิธิปวีณาฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเด็กหญิง 4 ขวบ ถูกรุ่นพี่ ม.2 ล่วงละเมิดทางเพศภายในห้องน้ำ ขณะที่ผู้บริหารโรงเรียนยอมรับพกพร่อง เร่งปรับพื้นที่พร้อมติดกล้องทั่วโรงเรียน

วันที่ 19 ก.ย. 2561 จากกรณีที่นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาผู้ปกครองและลูกสาววัย 4 ขวบ เข้าพบ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักร์ทิพย์ ธาราพันธสกุล ผกก. สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีที่ลูกสาว 4 ขวบ ถูกรุ่นพี่ ม.2 อายุระหว่าง 15-18 ปี โรงเรียนเดียวกันล่วงละเมิดทางเพศในห้องน้ำหลังโรงเรียนจนได้รับบาดเจ็บ

ผู้เป็นแม่ เล่าว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ครูประจำชั้นโทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกสาวมีอาการเลือดไหลซึมจนติดที่กางเกงชั้นใน เมื่อไปถึงโรงเรียนพบว่าลูกสาวมีอาการหวาดกลัว บอกว่า ถูกรุ่นพี่ใช้มีดทิ่ม จากนั้นเด็กพาแม่และครูไปดูที่เกิดเหตุพร้อมเล่าให้ฟังว่าถูกรุ่นพี่3 คน ผลักเข้าไปในห้องน้ำ ถูกจับแขน จับขา และถูกข่มขืนจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อถูกปล่อยตัวอเด็กก็กลับเข้าห้องเรียนกระทั่งครูมาพบอาการ เมื่อนำเด็กไปตรวจที่โรงพยาบาลแพทย์แจ้งว่า ถูกล่วงละเมิดทางเพศจึงพาลูกสาวเข้าแจ้งความและร้องต่อมูลนิธิฯ เพื่อขอให้เร่งรัดคดี

พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รับแจ้งก็ได้รับกับสหวิชาชีพนัดสอบปากคำน้องรวมทั้งพยานและผลการตรวจ นอกจากนี้ยังตรวจที่เกิดเหตุ กระทั่งพบกางเกงชั้นในของผู้ชายตกอยู่ ซึ่งส่งตรวจพิสูจน์ DNA แล้ว ขณะที่เด็กหญิง 4 ขวบ สามารถชี้ตัวผู้ก่อเหตุได้จำนวน 2 ราย อายุ 15 ปี และ 16 ปี ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุอีกคนอายุ 18 ปี ขณะนี้กำลังรอการสอบพยานหลักฐาน และผลการตรวจพิสูจน์ก่อนเรียกตัวมาสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง

ขณะที่นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงจึงได้ประสานทาง สนง.ภ.จว.ชลบุรี และ สภ.บางละมุง ในการติดตามเร่งรัดคดี เพราะถือว่าเป็นปัญหาทางที่ภาครัฐอย่างกระทรวงศึกษาธิการต้องใส่ใจให้มาก เพราะมีการเกิดเหตุในลักษณะนี้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในห้องน้ำที่อยู่ห่างจากห้องเรียนในหลายพื้นที่ที่มีความเสี่ยงผิดกับโรงเรียนเอกชนที่มักจะมีห้องน้ำอยู่ภายในห้องเรียน

ล่าสุดผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียน กล่าวว่า ทางโรงเรียนมีการควบคุมและมาตราการต่างๆ มาโดยตลอด และไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน หลังเกิดเหตุยอมรับว่าเป็นข้อพกพร่องของทางโรงเรียน  ซึ่งทางโรงเรียนได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง รวมทั้งสอบสวนทำไมถึงปล่อยให้เด็กไปเข้าห้องน้ำคนเดียว โดยได้สั่งกำชับให้มีเพื่อนไปห้องน้ำด้วนเสมอห้ามไปคนเดียว

ส่วนเรื่องเยี่ยวยาให้กับตัวเด็กผู้เสียหายโดยได้หาโรงเรียนแห่งใหม่ให้และพอเรื่องต่างๆที่เลวร้ายเริ่มดีขึ้นก็จะเรียนผู้ปกครองและเด็กผู้เสียหายมาพูดคุยและดำเนินการช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้  ส่วนกรณีเด็กผู้ถูกกล่าวหานั้นทางคณะผู้บริหารก็ต้องช่วยเหลือ และอยากวิงวอนว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการของกฏหมายก็อยากให้เป็นไปตามกระบวนการของกฏหมาย  ส่วนเด็กอายุ 18 ปี ที่มาจากบ้านสงเคราะห์เด็กนั้นทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิบ้านสงเคาระห์เด็กก็จะเข้ามาหารือหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น

ส่วนห้องน้ำที่โรงเรียนได้แยกแยะเป็นสัดส่วน โดยเฉพาะห้องน้ำที่เกิดเหตุทางโรงเรียนได้กำหนดให้ใช้เฉพาะชั้นอนุบาลถึง ป.2  นอกจากนั้นหลังเกิดเหตุทางโรงเรียนได้รื้อฝาผนังไม้ห้องเก็บของที่ปิดกันห้องน้ำกับตัวอาคารชั้นอนุบาลออกจนโล่ง