เรอัล มาดริดวิกฤตหนัก หาชัยชนะไม่เจอ 4 นัดติด

นับว่าหมดราศีความเป็นเจ้ายุโรปไปไม่น้อยสำหรับเรอัล มาดริด ที่กำลังวิกฤตอย่างหนัก หลังหาชัยชนะไม่เจอ 4 นัดติด

นับตั้งแต่มาร์โก อาเซนซิโอ ยิงประตูช่วยให้เรอัล มาดริดเปิดสนามซานติอาโก้ เบร์นาเบวชนะเอสปันญ่อลด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 61 จากวันนั้นจนถึงวันนี้ “โลส บลังโกส” ยังไม่สามารถทะลวงประตูคู่แข่งได้เลยสักนัดเดียวตลอด 4 เกมที่ผ่านมา เรอัล มาดริด ไม่สามารถพังประตูได้เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันรวมทุกรายการ นับเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 21 โดยครั้งล่าสุดที่ “ราชันชุดขาว” ทำประตูไม่ได้ 4 เกมติดต้องย้อนกลับไปถึงปี ช่วงเดือนเมษายน 1985 ที่พวกเขายิงใครไม่ได้ติดต่อกันถึง 5 นัด ก่อนจะจบฤดูกาลที่อันดับ 5 ของลา ลีกา แต่ยังมีถ้วยยูฟ่าคัพ และสแปนิช ลีกคัพ ติดมือ

หากดูตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาล 2018-2019 แชมป์ยุโรป 3 สมัยซ้อนออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ชนะรวดใน 3 เกมแรกของลา ลีกา โดยยิงประตูคู่แข่งไปได้ถึง 10 ประตู ก่อนจะมาสะดุดเสมอกับแอธเลติก บิลเบา แต่ก็ยังสามารถเรียกฟอร์มเก่งชนะโรมาได้ 3-0 ในศึกยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตามด้วยการเปิดบ้านฌฉือดชนะเอสปันญอลไป 1-0

หลังจากนั้นมาดริดไม่สามารถทำประตูใครได้เลยติดต่อกันถึง 4 นัดในทุกรายการ เริ่มจากการแพ้ให้กับเซบีญา 3-0, เสมอกับแอตเลติโก้ มาดริด 0-0, พ่ายซีเอสเคเอ มอสโก ในแชมเปี้ยนส์ลีก และล่าสุดโดนทีเด็ดทดเจ็บจากอลาเบสในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 ต.ค. 61)

แกเร็ธ เบล (ซ้าย) คาริม เบเซม่า (ขวา)

การจบสกอร์ที่ขาดหายไป?

หลังจากการย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุสของคริสเตียโน่ โรนัลโด้อดีตแนวรุกคนเก่งของทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลายๆ คนมองว่านี้เป็นโอกาสที่แข้งเกมรุกคนอื่นของทีมจะได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคอยชงให้โรนัลโด้อย่างแต่ก่อน ซึ่งในช่วงแรกก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามนั้น คาริม เบเซม่า, แกเร็ธ เบล ช่วยกัยเบิกสกอร์ให้ทีมอย่างสนุกเท้า แต่ทว่านับตั้งแต่เกมกับแอธเลติก บิลเบา จนถึงล่าสุดกับอลาเบส แกเร็ธ เบลยิงได้ 1 ประตูจาก 4 นัด ขณะที่เบนเซม่าดูจะหนักกว่า กองหน้าชาวฝรั่งเศสเท้าบอดคลำเป้าไม่เจอเลยสักประตูเดียวตลอด 4 เกม จนแฟนบอลบางส่วนอดจะคิดถึงดาวยิงชาวโปรตุกีสคนเก่งไม่ได้ No ronaldo no party คือคำที่สะท้อนความรู้สึกของแฟนบอลมาดริดบางคนได้ดี

ด้านตัวรุกอย่าง มาเรียโน่ ดิอาซ หรือวินิซิอุส จูเนียร์ 2 กองหน้าตัวสำรองของทีม ก็ยังทำผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก ยังคงต้องอาศัยเวลาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะในรายของวินิซิอุส กองหน้าชาวบราซิเลียนวัย 19 ปี การพัฒนาฟอร์มการเล่นเพื่อให้ได้ลงเล่นในเกมระดับสูงมากกว่านี้ จะช่วยสร้างประสบการณ์ให้ดาวรุ่งรายนี้

ฆูเลน โลเปเตกี

เก้าอี้ที่เริ่มร้อนของโลเปเตกี

จากผลงานการคุมทีมชาติสเปนที่สวยหรู จึงทำให้บอร์ดบริหารของเรอัล มาดริด ตัดสินใจดึงกุนซือชาวสเปนมาคุมทีมทันทีหลังการอำลาทีมของซีดาน แม้จะเปิดฉากด้วยการพ่ายให้กับแอตเลติโก มาดริด ในรายการยูเอฟ่า ซูเปอร์คัพ แต่กับการเริ่มต้นลา ลีกา ด้วยชัยชนะ 3 เกมรวดในแบบถล่มคู่แข่งอย่างสุดยอด

แต่ 4 นัดที่ผ่านฆูเลน โลเปเตกีและลูกทีมหืดจับมา 4 เกมแล้ว ทำให้สื่อและแฟนบอลต่างโจมตีกุนซือชาวสเปนอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นเรียกร้องให้ปลดเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งทางโลเปเตกีเชื่อมั่นว่าบอร์ดบริหารยังหนุนตัวเขาอยู่ โดยโค้ชทีมราชันชุดขาวกล่าวว่า “ผมไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นส่วนหนึ่งของงานและผมมั่นใจว่าจะทำได้ พวกเรารู้ดีว่ามันเป็นสิ่งที่แย่เนื่องจากเสีย 3 คะแนนไป และอาจจะโดนบาร์เซโลน่าทิ้งห่างออกไป ชัดเจนว่าเราจำเป็นจะต้องทำประตูให้ได้แล้วหลังจากนั้นทุกๆ อย่างจะมาเอง ในฐานะโค้ชคุณจะต้องคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดจากนักฟุตบอลซึ่งผมไม่เคยสงสัยเลยว่าพวกเขาได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ผมคิดว่าในตอนนี้พวกเขายังคงมีทัศนคติที่ยอดเยี่ยมอยู่”

ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด

แผนการเสริมทัพที่ผิดพลาดของท่านประธาน

นอกเหนือจากขุนพลเรอัล มาดริดและฆูเลน โลเปเตกีเฮดโค้ชของทีมแล้วนั้น ฟลอเรนติโน่ เปเรซ คืออีกหนึ่งคนที่ต้องรับผิดชอบกับผลงานของทีมตอนนี้ การเสียนักเตะอย่าง โรนัลโด้ กับโควาซิช นั้นเปเรซกลับไม่กระตือรือร้นที่จะดึงนักเตะเวิล์ดคลาสมาเสริมทัพ

แนวรุกที่ควรเสริมก็กลับนิ่งเฉย แต่ดันไปซื้อผู้รักษาประตูอย่างติโบต์ กูร์ตัวส์ จากเชลซีมาแทนทั้งๆ ที่เคย์เลอร์ นาบาสผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมก็ยังทำหน้าที่ได้ดีอย่างสม่ำเสมอ งานนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าตลาดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา คือช่วงเวลาแห่งความผิดพลาดของบอร์ดบริหารเรอัล มาดริดอย่างที่สุด ทั้งนี้ทีมราชันชุดขาวยังมีตลาดช่วงมกราคมให้แก้ตัวในการเสริมความแข็งอกร่งของทีมให้กลับดีอย่างเดิมอีกครั้ง