สลด! น้องชายป่วยทางจิต เชือดคอพี่ชายดับคาบ้าน จ.สงขลา

น้องชายป่วยทางจิต บุกเชือดคอพี่ชายแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้าน จ.สงขลา เหตุคิดว่าพี่ชายยิ้มเยาะเย้ยใส่ พบน้องชายมีประวัติติดคุก 8 ปี – เสพยาเสพติด ขณะที่น้องสาวเผยเคยถูกขู่ฆ่าเช่นกัน

วันที่ 16 ต.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. ตำรวจ สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุฆ่ากันตายที่บ้านเลขที่ 41/3 บ้านหน้าสวนหลวง หมู่ 1 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ หลังจากลงพื้นที่ไปตรวจสอบพร้อมแพทย์โรงพยาบาลหาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีท่งเวียเซี่ยงตึ๊งหาดใหญ่

โดยบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว และภายในห้องครัวพบศพ นายวิรัช มูฮำหมัด อายุ 27 ปี นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ภายในห้องครัว ในสภาพที่ไม่ใส่เสื้อ สวมกางเกงยีนส์ตัวเดียว ที่ลำคอถูกเชือดด้วยมีดเป็นแผลฉกรรจ์ 1 แผล และในบ้านเกิดเหตุแทบจะไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ และยังไม่พบมีดที่ใช้ก่อเหตุ แต่ในช่วงแรกญาติๆ ยังไม่มีใครยอมบอกถึงสาเหตุของการเสียชีวิตว่าใครเป็นคนทำ กระทั่งมีญาติบางคนยอมบอกว่า คนที่ฆ่าคือ น้องชายแท้ๆ ของผู้ตาย ชื่อ นายนริศ มูฮำหมัด อายุ 26 ปี ซึ่งมีอาการป่วยทางจิต หลังก่อเหตุได้เดินไปอยู่ที่บ้านญาติที่อยู่ใกล้ๆ กัน

จากการสอบถาม น.ส.ปัทมา มูฮำหมัด อายุ 21 ปี น้องสาวของผู้ตาย ซึ่งเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อบอกว่า หลังเลิกงานเมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่า พี่ชายนอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องครัว ส่วนคนทำคือ นายนริศ ซึ่งเป็นพี่ชายอีกคน และมีอาการป่วยทางจิต โดยเคยติดคุกในคดีลักทรัพย์มา 8 ปี และพ้นโทษมาได้ราว 2 ปี และเสพยาด้วย ซึ่งหากตนอยู่ในบ้านช่วงเกิดเหตุก็น่าจะถูกฆ่าด้วย เพราะตนเคยถูก นายนริศ ขู่ว่าจะฆ่าให้ตายทั้งคู่ เนื่องจากโกรธที่พี่ชายมองหน้าแล้วยิ้ม เพราะคิดว่าเป็นการเยาะเย้ย

ในขณะที่แม่ของผู้ตายถึงกับล้มคว่ำเป็นล้มทันทีเมื่อรู้ว่าสองพี่น้องมาฆ่ากันเอง โดยหน่วยกู้ภัยต้องช่วยกันปฐมพยาบาลจนฟื้น และได้เดินไปพาตัว นายนริศ มาส่งให้กับตำรวจในอาการที่ยังปกติ และไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ตำรวจจึงรีบนำตัวพาไปขึ้นรถออกจากจุดเกิดเหตุทันที และพาไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.ทุ่งตำเสา เพื่อรอดำเนินการทางคดี

จากการสอบถามพยานแวดล้อมซึ่งเป็นญาติ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ นายวิรัช อยู่ในบ้านเพียงคนเดียว จากนั้น นายนริศ น้องชายได้เดินเข้าไปหาที่บ้าน และน่าจะเข้าไปเชือดคอพี่ชายทันทีในระหว่างที่นั่งอยู่ โดยไม่มีโอกาสต่อสู้หรือป้องกันตัว และหลังก่อเหตุยังออกมานั่งอยู่หน้าบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่ญาติจะมาพาตัวออกไป และแจ้งให้ตำรวจทราบ