SHARE

คัดลอกแล้ว

ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ลูกชายผู้เสียชีวิตจากการถูกฆ่า และมีส่วนร่วมในการจับกุมผู้ต้องหาที่ฆ่าพ่อได้ ยืนยันการมาเป็นตำรวจเพราะมีใจรัก ประกอบกับเป็นความต้องการของพ่อ ไม่ได้เจาะจงมาจับคนร้ายฆ่าพ่อ เพราะก่อนนี้คิดว่าคนร้ายถูกจับไปหมดแล้ว

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 8 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดชุมพร จับกุมนายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง อายุ 54 ปี ชาว อ.ท่าแวะ จ.ชุมพร โดยเป็น 1 ใน 3 คนร้าย ที่ก่อเหตุฆ่านายประสิทธิ์ แซ่อื้อ และนายชาณี ทองหญีต แล้วนำศพไปทิ้งไว้ที่บริเวณสระน้ำริมทาง บ้านท่าตะเภา ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 786/2551 ลงวันที่ 22 กันยายน 2551

ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ และข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว ใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม

https://www.facebook.com/NewsWorkpoint/videos/843870665783447/

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 – 6 ธันวาคม ต่อเนื่องกันปี 2541 โดยจับได้ที่บริเวณริมถนนในหมู่บ้าน ม.2 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เบื้องต้นนายบุญฤทธิ์ ผู้ต้องหาให้การยอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง ส่วนพฤติกรรมของคดีขอให้การปฏิเสธ และขอต่อสู้ในชั้นศาล ชุดสืบสวนฯ จึงจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินการตามกฎหมาย

จากกรณีดังกล่าวได้เกิดประเด็นดราม่าในโซเซียล ระบุว่าการจับกุม มี ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ( กก.ปพ.บก.สส.ภ.8) ซึ่งเป็นลูกชายนายประสิทธิ์ แซ่อื้อ 1 ใน 2 ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เข้าร่วมในการติดตามจับกุม และการที่ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ เข้ามาเป็นตำรวจ เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ฆ่าพ่อตัวเองนั้น

เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง  วันนี้ (6 พ.ย. 61)  ผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ ที่กองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 8  ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขณะเข้าพบกับ พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8

โดยระบุว่า ข่าวที่มีการนำเสนอไปนั้นมีบางส่วนไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะประเด็นในการเข้ารับราชการตำรวจนั้น เนื่องจากการที่เข้ามาเป็นตำรวจนั้นด้วยความชอบส่วนตัว และเป็นสิ่งที่พ่อบอกกับแม่ไว้ว่าต้องการให้ตนเป็นตำรวจ ไม่ใช่ตั้งใจจะเข้ามาเพื่อทำคดีนี้โดยเฉพาะ และภายหลังจากที่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจเมื่อเดือนกุมพาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาทั้งหมด

พ่อของ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์

“ในส่วนการตายของพ่อนั้น ตนเพิ่งทราบเมื่อตอนอายุ 15 ปี ขณะที่เรียนอยู่ชั้น ม.2- ม.3 ว่าพ่อถูกฆ่าตาย ก็ไม่ได้ติดใจอะไร และขณะนั้นคิดว่าคนร้ายถูกจับหมดแล้ว แต่มาทราบภายหลังในขณะที่ตนได้เข้ารับราชการตำรวจจากคนที่อยู่ในละแวกบ้านว่า หนึ่งในคนร้ายที่ร่วมกันฆ่าพ่อกลับมาที่บ้าน และได้มีการขับขี่รถมาวนเวียนอยู่แถวบ้านพักของแม่ ซึ่งอาศัยอยู่กับน้องสาว ที่อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

“ล่าสุดได้ขับรถมาวนเวียนอยู่ที่บ้านเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะถูกจับกุม และด้วยส่วนงานที่รับผิดชอบเป็นการติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีค้างเก่า โดยเฉพาะในรายที่คดีที่ใกล้หมดอายุความ จึงประสานงานกับกองปราบปรามและชุดสืบสวนในพื้นที่ตามขั้นตอน และร่วมติดตามจับกุมตัวดังกล่าว ที่ผ่านมาก็จะช่วยในการตรวจสอบค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีติดตามจับกุมผู้ต้องหามาโดยตลอด”

ต่อคำถามที่ว่า ผู้ต้องหารายนี้ เป็นคนที่ลงมือฆ่าพ่อหรือเปล่า ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิบอกว่า ไม่ทราบชัด เพราะเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฎิเสธ ซึ่งจะต้องว่ากันไปตามกระบวนการหากกระทำผิดจริงก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่หากไม่ได้กระทำผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรม

ซึ่งในช่วงที่เข้าไปร่วมจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ ก็เหมือนกับการจับกุมผู้ต้องหารายอื่นๆ ซึ่งการเลือกใช้หลักกฎหมายในการเข้าจับกุมตามขั้นตอน ด้วยมองว่า หากทำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็จะต้องถูกออกจากตำรวจ และแม่ก็ต้องลำบากอีก เนื่องจากที่ผ่านมาแม่ก็เลี้ยงตนและน้องมาด้วยความลำบาก ทั้งนี้ตนเองมีความภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจ ซึ่งจะตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด

ขณะที่ พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวนั้นเป็นการจับตามคดีค้างเก่าตามปกติในพื้นที่ความรับผิดชอบ ในพื้นที่ภาค 8 ทั้งหมด โดยมีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับโดยเฉพาะ  ซึ่งทุกกองกำกับจะมีการเร่งรัดในการดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสืบสวนจับกุม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ งานเดือนสิบ เป็นต้น  โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนติดตามคนร้ายที่มีหมายจับคดีค้างเก่า ไม่ได้เป็นการเจาะจงจับกุมแต่อย่างใด

“สำหรับ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ เป็นนักเรียนนายสิบ รุ่นที่ 9 โรงเรียนตำรวจภูธร 8 สำเร็จการศึกษาเมื่อวันที่ 30 กุมภาพันธ์ 61 และมาบรรจุที่ตำรวจภูธรภาค 8 ในตำแหน่งผู้บังคับหมู่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอื่นๆ มาแล้วหลายราย ไม่ได้จับกุมเฉพาะนายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง รายเดียวกัน” พล.ต.ต.ชินรัตน์กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

20 ปีที่รอคอย ! ลูกชายสอบเป็น ตร.เพื่อตามจับคนฆ่าพ่อ รวบตัวได้ก่อนคดีหมดอายุ 1 เดือน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า