SHARE

คัดลอกแล้ว

จากกรณีที่เครื่องบินที่ เอมิเลียโน ซาลา กองหน้าคนใหม่ของทีมคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ โดยสารอยู่ เกิดประสบอุบัติเหตุสูญหายขณะกำลังเดินทางจากเมืองน็องต์ ประเทศฝรั่งไปยังเมืองคาร์ดิฟฟ์ประเทศเวลส์ ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 ม.ค. 62)

โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ (24 ม.ค. 62) ทางตำรวจเกิร์นซี่ย์ เขตปกครองตนเองของสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์ผ่านทวิตเตอร์บอกว่าหลังจากภารกิจค้นหาเครื่องบิน 3 วันเต็ม ครอบคลุมพื้นที่ 1,700 ตารางไมล์ เจ้าหน้าที่ยังไม่พบร่องรอย เศษซากเครื่องบิน หรือหลักฐานใดใดที่เกี่ยวกับเครื่องบินลำนี้เลย และจากข้อมูลที่มีอยู่ทำให้ทีมงานตัดสินใจที่จะยุติการค้นหาการค้นหาอย่างเป็นทางการแล้ว

ขณะเดียวกันทางด้านของ วาล็องแต็ง รงชิเย่ร์ กัปตันทีมแอฟเซ น็องต์ เพื่อนร่วมทีมของเอมิเลียโน ซาลา ได้เปิดใจกับนักข่าว ระหว่างที่ทีมน็องต์กลับมาฝึกซ้อมเป็นครั้งแรก หลังเหตุเครื่องบิน เอมิ ซาล่า สูญหายว่า “เราเคารพครอบครัวของเขา ที่ยืนกรานปฏิเสธการยืนไว้อาลัยอย่างสินเชิง เพราะพวกเขารวมถึงพวกเขาด้วยเชื่อว่า เขายังอยู่ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ยืนสงบนิ่งหรือปรบมือหนึ่งนาที เพราะเรายังมีความหวัง ตราบใดที่ยังไม่เห็นศพ เราจะยังไม่ไว้อาลัย เราจะตั้งความหวังว่าเขาจะรอดไปจนถึงที่สุด”

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเอมิเลียโน ซาลา ในวันนี้เราจะมาย้อนดูเหตุการณ์เครื่องบินตกในประวัติศาสตร์โลกลูกหนังกัน

โศกนาฏกรรมแห่งซูเปอร์ก้า (Superga Air Disaster 1949)

หากพูดถึงยอดทีมในแดนพิซซ่า ชื่อแรกที่คนส่วนใหญ่คิดออกคงนี้ไม่พ้น ยูเวนตุส, เอซี มิลาน หรืออินเตอร์ มิลาน แต่ใครจะรู้บ้างละว่า ยังมีทีมเล็กๆ ทีมหนึ่ง ที่เคยก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งอย่างไร้คู่ต่อกรในดินแดนรองเท้าบูทแห่งนี้มาแล้ว และหากไม่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับพวกเขา ไม่แน่ว่าประวัติศาสตร์วงการลูกหนังโลกอาจไม่ได้เป็นเหมือนเช่นทุกวันนี้ ซึ่งทีมนั้นก็คือ โตริโน่

“อิล กรันเด้ โตริโน่” (Il Grande Torino)

หากย้อนกลับไปในยุค 40 ช่วงที่โลกของเราเพิ่งบอกลาความบอบช้ำจากสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเพียงไม่กี่ขวบปี สำหรับหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามอย่างหนักเช่นอิตาลี ฟุตบอลจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวที่ทำให้คนในชาติยิ้มได้ และทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวลานั้นคือ โตริโน่ พวกเขาคือทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเวลานั้น จนได้รับฉายาว่า “อิล กรันเด้ โตริโน่” (Il Grande Torino) ที่มีความหมายว่า ผู้ยิ่งใหญ่แห่งตูริน (The Grand Turin)

ซึ่งในช่วงยุค 40 นั้น โตริโน่คว้าแชมป์ เซเรีย อาไปถึง 5 สมัยคือในฤดูกาลที่ 1942–43, 1945–46, 1946–47, 1947–48, 1948–49, ความเก่งกาจของโตริโน่แพร่สะพัดไปทั่วยุโรป จนทางสโมสรเบนฟิก้า ยอดทีมจากโปรตุเกสได้ส่งคำเชิญให้ขุนพลกระทิงหิน อิล โตโร่ (Il Toro) ร่วมลงเตะเกมนัดพิเศษในนัดอำลาสนามของโชเซ่ แฟร์เรย์ร่า กัปตันทีมของเบนฟิก้า และก็ป็นทางโตริโน่ที่เอาชนะเบฟิก้าเจ้าถิ่นไปได้ 4-3

4 พฤษภาคม 1949 นี้คือวันที่ขุนพลกระทิงหินได้ออกเดินทางกลับอิตาลี แต่จะมีรู้ใครว่านี้จะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพวกเขา ในเวลา 14.50 น. เครื่องบินของพวกเขาออกเดินทางจากนครบาร์เซโลน่ามุ่งสู่ตูริน จนกระทั่งเครื่องบินเดินทางมาถึงตอนเหนือของประเทศปรากฏว่า สภาพอากาศในตูรินเลวร้ายอย่างมาก มีฝนตกหนัก ส่งผลให้ทัศนวิศัยในการบินย่ำแย่อย่างขีดสุด

ด้านนักบินแจ้งหอบังคับการบินว่า พวกเขาอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง ซึ่งในทิศทางนั้นคือที่ตั้งของ มหาวิหารแห่งซูเปอร์ก้า ตั้งอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลถึงกว่า 669 เมตร แต่เพดานบินของเครื่องบินในตอนนั้นอยู่ที่ 600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้นักบินต้องรีบเชิดหัวเครื่องขึ้นอย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่ทันการเครื่องบินโดยสารพุ่งชนเข้ากับกำแพงวิหารอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดไปลุกไหม้เครื่องบินอย่างรุนแรง ชิ้นส่วนของเครื่องบินกระจุยกระจายไปทั่วบริเวณ และที่น่าเศร้าที่สุดคือไม่มีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้

หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต

ในเวลานั้นทั่วอิตาลีเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั่วทั้งประเทศแสดงความอาลัยต่อการจากไปของพวกเขา หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับขึ้นข้อความแสดงความอาลัยต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้

โศกนาฏกรรมแห่งมิวนิค (Munich Air Disaster 1958)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จมาอย่างมากมายทั้งภายในประเทสและในระดับทวีป แต่ทัพปิศาจแดงก็เคยมีอดีตที่สุดเศร้า หากใครเคยไปสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด อาจจะเคยเห็นนาฬิกาเรือนหนึ่ง ที่เข็มนาฬิกาของมันบอกเวลาไว้ที่ 15.03 เสมอ หลายคนคงสงสัยแล้วเวลาดังกล่าวมันเกี่ยวข้องอะไรกับแมนฯ ยูไนเต็ด?

ย้อนกลับไปในปี 1958 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีโปรแกรมที่จะลงทำศึกยูโรเปี้ยนคัพ หรือยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปัจจุบัน กับทีมเร้ด สตาร์ เบลแกรด ยักษ์ใหญ่จากเซอร์เบียในนัดที่ 2 โดยในนัดแรกทางยูไนเต็ดที่ชิงความได้เปรียบด้วยการเปิดบ้านชนะไปก่อน 2-1 ขอแค่ไม่แพ้ในนัดนี้ทัพปิศาจก็เข้ารอบต่อไปทันที และก็เป็นทางแมนฯ ยูไนเต็ดที่เข้ารอบต่อไปหลังบุกไปเสมอยอดทีมจากเซอร์เบีย 3-3

จนในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1958 บรรดานักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วยทีมงานสตาฟฟ์โค้ช, นักข่าว, พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักบินและผู้ช่วย รวมไปถึงไกด์ท่องเที่ยวชาวเซอร์เบียและภรรยารวมไปถึงผู้โดยสารชาวเซอร์เบียและลูกของเธอร่วมเดินทางด้วย รวมทั้งหมดบนเครื่องบินมี38 ชีวิต ที่เดินทางมุ่งหน้าสู่แมนเชสเตอร์ เครื่องบินลงจอดที่สนามบินกรุงมิวนิคเพื่อเติมเชื้อเพลิง

แต่ก่อนจะนำเครื่องขึ้นกัปตันพบความผิดปกติของเครื่องยนต์จนแก้ปัญหาอยู่พักใหญ่ ด้านวิศวกรได้แนะนำให้ยกเลิกเที่ยวบินไปก่อนเพื่อความปลอดภัย แต่ทางเจมส์ เธน กัปตันของเครื่องบินเกรงว่า หากยกเลิกเที่ยวอาจส่งผลกระทบต่อตารางเวลา เขาจึงเดิมพันด้วยการนำเครื่องขึ้นตามโปรแกรมเดิม ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย จนในที่สุดขณะที่นักบินกำลังเร่งเครื่องขึ้นที่ความเร็ว 197 กม./ชั่วโมง เครื่องบินได้เกิดลื่นไถลชนเข้ากับรั้วของสนามบิน ก่อนจะหลุดข้ามถนนออกไปชนกับบ้านหลังหนึ่ง จนชิ้นส่วนของเครื่องบินแตกกระจายและเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ถึง 23 คนด้วยกัน

ทั่วทั้งอังกฤษเต็มไปด้วยความเศร้าหลังจากทราบข่าว สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบ็ธที่ 2 พระองค์ทรงตกพระทัยอย่างมาก และได้รับสั่งให้ส่งข้อความแสดงความเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตไปยังนายกเทศมนตรีของแมนเชสเตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และสำนักการบินพลเรือนของอังกฤษ ในช่วงนั้นทุกภาคส่วนได้ยื่นมาเข้ามาให้ความช่วยเหลือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทุกรูปแบบทั้งการบริจาคเงิน ให้ยืมตัวผู้เล่น ฯลฯ

โศกนาฏกรรมชาเปโคเอนเซ (Chapecoense air disaster 2016)

ชาเปโคเอนเซ เป็นเพียงทีมเล็กๆ ในประเทศบราซิล ที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่ากับซานโตส, เซา เปาโล หรือฟลาเมงโก้ แลละพวกเขาออกจะวนเวียนอยู่ในลีกล่างด้วยซ้ำ ชาเปโคเอนเซก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดครั้งแรกในปี 2014 จนกระทั่งในปี 2016 จากทีมเล็กนอกสายตาพวกเขาก้าวขึ้นมาถึงรอบชิงชนะเลิศของศึก “โคปา ซูดาอเมริกานา” ซึ่งจะพบกับทีมอัตเลติโก นาซิอองนาล โดยก่อนหน้านี้พวกเขาผ่านทีมแกร่งๆ ในรอบน็อคเอาต์มาหลายๆทีม อาทิเช่นยักษ์ใหญ่จากอาร์เจนติน่าอย่าง ริเวอร์ เพลท, และซาน ลอเรนโซ่

วันที่ 28 พ.ย. 2016 เครื่องบินเช่าเหมาลำขนาดเล็กรุ่น  Avro RJ85 ของสายการบิน LaMia เที่ยวบิน 2933 ได้ออกเดินทางจากเมืองซานตาครูซ เดอลา เซียรา ในประเทศโบลิเวีย มุ่งหน้าไปยังเมืองเมเดลลิน ในประเทศโคลอมเบีย ในขณะที่ใกล้จะถึงจุดหมายเครื่องบิน  Avro RJ85 เกิดปัญหาขัดข้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน เครื่องยนต์ไม่สามารถใช้การได้ ระบบไฟฟ้าทุกอย่างขัดข้อง ก่อนที่เครื่องบินจะดิ่งลงบริเวณหุบเขาที่ห่างจากเมืองเมเดลลินไม่มากนัก อุบัติเหตุครั้งนี้ส่งผลให้นักเตะและสต๊าฟโค้ชของชาเปโคเอนเซ ต้องเสียชีวิตไปกว่า 81 ราย มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต โดยใน 3 จาก 5 คนที่รอดคือนักเตะของชาเปโคเอนเซ่ ได้แก่ อลัน รัสเซล , ดานิโล และ แจ็คสัน โฟลมันน์ ทั้งนี้เครื่องบินลำดังกล่าวถูกเตือนเรื่องปริมาณน้ำมันว่าอาจจะไม่เพียงพอที่จะไปถึงจุดหมาย ซึ่งทางนักบินเองก็ไม่ได้หยุดเติมน้ำมันที่เมืองโบโกต้า เมืองหลวงของโบลิเวีย แต่เลือกที่จะเดินทางไปที่เมเดลลินเลย

โศกนาฏกรรมครังนี้ถือเป็นอุบัติเหตุทางอากาศครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุคใหม่ ทั่วโลกต่างร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้านบาร์เซโลน่ายอดทีมจากสเปนได้จัดโปรแกรมนัดพิเศษระหว่างทีมบาร์เซโลน่ากับชาเปโคเอนเซ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้

และนี้คือเรื่องราวเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมอันเกิดจากอุบัติทางกาศ ของทีมฟุตบอลต่างๆ ใน อดีต ซึ่งสอดคล้องการอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเอมิเลียโน ซาลา การสูญเสียที่เกิดขึ้นย่อมสร้างฝันร้ายและบาดแผลให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างไม่รู้ลืม แต่หากเรามองย้อนถึงต้นเหตุของเหตุการณ์ต่างๆ เราก็จะเข้าใจว่าความประมาทเพียงน้อยนิดอาจนำมาสู่ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ได้ทุกเมื่อ

 

 

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า