วงการหนังผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ​ เสนอตัวร่วมพัฒนาระบบป้องกันโควิด-19 กับฮอลลีวูด

สำนักข่าวรอยเตอร์ส ยกโมเดลการจัดการของแวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ผู้ใหญ่ ว่าอาจจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับฮอลลีวูดได้ในการรับมือกับโควิด-19

วงการภาพยนตร์ผู้ใหญ่กำลังศึกษามาตรการการรับมือกับวิกฤติโรคระบาด หลังจากในช่วงปี 1990 ต้องรับมือกับวิกฤติไวรัสเอชไอวี (HIV)

ไมค์ สตาบิเล่ โฆษกแห่งพันธมิตรฟรีสปีช (Free Speech Coalition) ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับแวดวงภาพยนตร์ผู้ใหญ่ บอกว่าหลังจากเกิดวิกฤติโควิด-19 ในวงการก็เริ่มนึกถึงประสบการณ์ในการตรวจหาผู้ติดเชื้อ และการปิดกองผลิต

“แน่นอนว่าโควิด-19 นั้นเป็นไวรัสคนละชนิด และความน่ากลัวของมันก็แตกต่างกัน แต่เราเข้าใจถึงส่วนที่คล้ายกัน และเข้าใจว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญในการรับมือกับมัน” ไมค์ให้สัมภาษณ์

ขั้นตอนการรับมือที่ว่านี้ เริ่มต้นในช่วงที่มีการระบาดของเอชไอวี โดยนักแสดงจะต้องถูกตรวจและติดตาม

ชารอน มิทเชลล์ อดีตนักแสดงในวงการภาพยนตร์ผู้ใหญ่ เล่าให้ฟังว่าวงการได้พัฒนาระบบ PASS (Performer Availability Scheduling Services) ที่นักแสดงจะต้องตรวจโรคทุกๆ 14 วัน และข้อมูลจะถูกอัปโหลดไปยังฐานข้อมูลที่เปิดให้โปรดิวเซอร์และผู้กำกับมาตรวจสอบได้ว่าจะจ้างนักแสดงคนไหน

“ข้อมูลตรงนี้จะบอกแค่ว่า คนไหนปลอดภัยจ้างทำงานได้หรือไม่” สตาบิเล่อธิบาย

สตาบิเล่ยอมรับว่าโควิด-19 นั้นเป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่าเอชไอวี แต่เขาก็บอกว่าพร้อมที่จะทำงานกับวงการฮอลลีวูดเพื่อร่วมพัฒนาระบบตรวจนี้

“วงการหนังผู้ใหญ่ ฮอลลีวูด หรือกระทั่งวงการกีฬานั้นล้วนมีความแตกต่างกัน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เราสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้” สตาบิเล่ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ส

หลังจากเกิดปัญหาโควิด-19 วงการฮอลลีวูดได้รวมตัวกันระดมสมองเพื่อหาทางออก โดยทั้งสตูดิโอ สถานี และกลุ่มตัวแทนนักแสดง ได้พูดคุยกันเพื่อกลับมาทำงานได้เร็วที่สุด โดยที่จะต้องป้องกันตัวนักแสดงและทีมงานทุกคนจากโควิด-19

ตัวอย่างแนวคิดที่มีการพูดคุยกัน

• ให้มีการกักตัวนักแสดงและทีมงานทุกคนระหว่างที่ถ่ายทำ
• มีทีมแพทย์อยู่ที่กองถ่าย
• วัดอุณหภูมิทุกๆ 12 ชั่วโมง
• ในคอมพิวเตอร์กราฟิกมากขึ้น เพื่อลดจำนวนนักแสดง

โดยกองถ่ายทำในพื้นที่ในยุโรปอาจจะเริ่มต้นทำงานก่อนในสหรัฐฯ ซึ่งสถานการณ์ยังไม่ดีพอ