ตร.ช่วย 8 คนไทยถูกหลอกไปทำงานกัมพูชา แก๊งค้ามนุษย์วางยา ดูดเลือด และตัดอวัยวะไปขาย

เหยื่อแฉแก๊งค้ามนุษย์หลอกไปทำงานกัมพูชา วางยา ดูดเลือด และตัดอวัยวะไปขาย ล่าสุดตำรวจช่วยเหลือคนไทยออกมาได้แล้ว 8 คน

วันที่ 10 มี.ค. 2565 ชาวไทย 8 คนได้รับความช่วยเหลือออกจากประเทศกัมพูชา บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เรียบร้อยแล้วโดยมีพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) พร้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปรับด้วยตัวเอง

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้พูดคุยกับผู้ถูกหลอกไปทำงาน 1 รายเป็นหญิงชาวกรุงเทพฯ อายุ 25 ปี ได้ข้อมูลว่า ถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศกัมพูชากับแก๊งชาวจีนที่เมืองสีหนุวิวล์ ถูกบังคับให้ไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงคนไทย เมื่อไม่ยอมจึงถูกทำร้ายร่างกาย กักขังให้อดอาหาร และบังคับให้หาเงินมาไถ่ตัว ถูกเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตจนสลบ เมื่อตื่นมาพบว่าถูกเจาะเลือดไป 3 ถุง ตลอด 2 เดือนที่อยู่ในกัมพูชาถูกส่งตัวไปต่างโรงแรมต่างๆ มีห้องผ่าตัด มีอุปกรณ์ผ่าตัดพร้อม ระหว่างถูกส่งตัวไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งชายแดนเวียดนาม ทำทีแวะไปซื้อน้ำแล้วพบหญิงไทยคนหนึ่งจึงเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือ กระทั่งหญิงไทยได้ประสานเจ้าหน้าที่แกะรอยตามสัญญาณมือถือและช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบจากกลุ่มไลน์พบเป็นแก๊งชาวจีนมีการระบุเหยื่อคนที่ถูกนำตัวมาเพื่อเอาเลือดและอวัยวะว่าเป็นคนที่กำลังจะสิ้นลม เพราะเมื่อดูดเลือดจนไม่สามารถให้เลือดต่อได้แล้ว เหยื่อจะถูกนำไปผ่าตัดเอาอวัยวะไปขายทั้ง ตา กระจกตา ตับ ไตต่าง ๆ สถานการณ์ขณะนี้เห็นว่า มันรุนแรงขึ้น จากแต่เดิมหลอกลวงเหยื่อไปบังคับทำงาน จนมาถึงต้องการนำอวัยวะของหญิงสาวชาวไทยคนนี้ไปขาย หลังจากที่ดูดเลือดจนหมดตัวจนเสียชีวิต ซึ่งถือว่าโหดเหี้ยมมาก จึงฝากเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปทำงานออนไลน์ในประเทศกัมพูชา ต้องตรวจสอบให้ดีและไม่ควรเดินทางไปอย่างผิดกฎหมายด้วย

สำหรับ 8 คนไทยที่ได้รับความช่วยเหลือเดินทางข้ามแดนเข้ามายังประเทศไทย จะต้องนำตัวคนไทยทั้ง 8 คน ส่งให้เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ อ.อรัญประเทศ ฯ ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ก่อนส่งไปกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิดฯ ในสถานที่กักตัวที่ทางจังหวัดสระแก้ว ได้จัดเตรียมไว้รองรับต่อไป