สภาฯ เดือด ปม ‘ปดิพัทธ์’ บุกทวงกฎหมายรัฐบาล สส. เพื่อไทย ซัดก้าวก่าย เรียกร้องให้ลาออก ด้าน สส. ก้าวไกล เห็นแย้ง โต้กันนัว จน ‘พิเชษฐ์’ ต้องเบรกวุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงาน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (6 มี.ค. 67) ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม หลัง สส. หารือปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ เสร็จสิ้น ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม
ได้มี นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ขอหารือการทำหน้าที่ของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1
โดยสรุประบุว่า นายปดิพัทธ์ ปฏิบัติเกินอำนาจหน้าที่บุกทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 67 ไปทวงถามร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ที่ค้างอยู่ 31 ฉบับจากฝ่ายบริหาร ถือว่าก้าวล่วงฝ่ายบริหาร ไม่เคยเห็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติบุกประมุขฝ่ายบริหาร ขอให้บันทึกว่า ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมนายปดิพัทธ์
ทำให้ นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โต้แย้งว่า การเสนอร่างกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะร่างกฎหมายการเงิน ที่ต้องให้นายกรัฐมนตรีลงนามในเวลารวดเร็ว ไม่ปล่อยทิ้งไว้ 6 เดือน ดังนั้นหากรองประธานสภาฯ จะไปติดตามตรวจสอบ เป็นเรื่องสมควรอแล้ว เป็นกระทำโดยชอบและพึงกระทำ
จากนั้น นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายตำหนิการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ว่า ทำให้เสียศักดิ์ศรีฝ่ายนิติบัญญัติ เรียกร้องให้นายปดิพัทธ์ ลาออก เพราะถ้าไปเข้าพบ เข้าตามตรอกออกตามประตู จะได้รับการต้อนรับ ไม่ใช่ไปแบบโคจร ไม่มีใครมาต้อนรับ ถือว่าเสียศักดิ์ศรีรัฐสภา
ทาง นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จึงประท้วงและตอบโต้ สส.เพื่อไทยว่า พยายามเตะถ่วงร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ของพรรคก้าวไกล ที่กำลังเข้าสู่วาระการประชุมลำดับถัดไป
อย่างไรก็ตาม นายธีระชัย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาอภิปรายเรื่องของนายปดิพัทธ์ต่อ ขณะที่ สส.ก้าวไกล ก็ประท้วงต่อเนื่อง ในที่สุดนายพิเชษฐ์ ซึ่งทำหน้าที่การประชุมอยู่ในขณะนั้น ปิดไมค์ไม่ให้นายธีระชัยพูด แต่นายธีระชัยยังตะโกนอภิปรายไม่หยุด แม้นายพิเชษฐ์ ขอร้องให้นายธีระชัยหยุดพูด เพราะพูดมานานแล้ว แต่นายธีระชัยไม่หยุด จนนายพิเชษฐ์ ต้องตะโกนด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า “จะฟังผมไหม จะหยุดพูดไหม” แล้วสั่งให้นายธีระชัย นั่งลงทันที จนนายธีระชัย ยอมนั่งลง
จากนั้น นายพิเชษฐ์ ได้กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะนัดประชุมวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และตัวแทนฝ่ายรัฐบาล เพื่อประสานงานลำดับกฎหมายที่มีความสำคัญ และได้ตัดบทเข้าสู่วาระการประชุมปกติต่อไป