A&W ในประเทศไทย เตรียมยุติกิจการ

หลังขาดทุนต่อเนื่องนานหลายปี และเจอพิษโควิดซ้ำเติม ล่าสุด A&W ในประเทศไทย เตรียมยุติกิจการแล้ว

โดย ‘บมจ. โกลบอล คอนซูเมอร์’ ผู้ถือสิทธิ์ดำเนินกิจการแฟรนไชส์ร้านอาหาร A&W เพียงผู้เดียวในไทย ระบุว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการบริษัท ขออนุมัติยุติกิจการร้าน A&W

เหตุผลมาจากการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้นจากสถานการณ์โควิดที่ทำให้ห้างสรรพสินค้าถูกปิด กระทบธุรกิจร้านอาหารโดยตรง

นอกจากนี้ยังมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ทำให้บริษัทขาดทุนมาตลอด และไม่สามารถรับภาวะขาดทุนต่อไปอีกได้

โดยในปี 2564 โกลบอล คอนซูเมอร์ มีรายได้จากการขาย 1,862 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23% ซึ่งถ้าไม่รวมผลประกอบการจากร้าน A&W ที่ขาดทุน 70 ล้านบาท บริษัทจะมีผลประกอบการในปี 2564 คิดเป็นกำไร 60 ล้านบาท

ถ้ามาดูในหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (ร้าน A&W และ Kitchen Plus) ปี 2564 มียอดขาย 86.46 ล้านบาท ลดลง 27% จากปีก่อนหน้า

ผลการดำเนินงานธุรกิจร้านอาหารที่ขาดทุน ทำให้บริษัทยังตัดสินใจปิดร้าน Kitchen Plus ที่บริษัทดำเนินการเองอยู่ 2 สาขา ในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาด้วย

ดังนั้น เมื่อรวมผลประกอบการของธุรกิจร้านอาหาร และการตั้งทุนสำรองค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการหยุดกิจการอีก 160 ล้าน ทำให้รวมแล้วโกลบอล คอนซูเมอร์ มีผลประกอบการในปี 2564 ขาดทุน 166.63 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจที่ยังเติบโตได้ดีของโกลบอล คอนซูเมอร์ ได้แก่ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และธุรกิจอาหารแปรรูป ซึ่งเป็นทิศทางที่บริษัทจะให้ความสำคัญต่อไป

สำหรับการยุติกิจการของร้าน A&W ในไทย ยังอยู่ระหว่างการเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณา ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าคณะกรรมการจะตัดสินใจอย่างไร จะเลิกกิจการทั้งหมด หรือจะมีผู้มาซื้อกิจการต่อ

ส่วนตอนนี้ร้าน A&W ทั้ง 26 สาขา และการขายผ่านเดลิเวรี่นั้นยังให้บริการตามปกติ

ทั้งนี้ A&W เป็นร้านฟาสต์ฟู้ดจากสหรัฐอเมริกาที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี โดยก่อตั้งในปี 2462 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ปี 2563 มีสาขามากกว่า 900 สาขาทั่วโลก โดยมีเมนูเด่นคือ รูทเบียร์โฟลท และวาฟเฟิล

โดยในไทย ร้าน A&W ให้บริการเป็นครั้งแรกในปี 2526 ที่สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยเป็นการดำเนินการของบริษัท เอแอนด์ ดับบลิว เรสเตอรองต์ (ประเทศไทย) จำกัด

จากนั้นในปี 2558 บริษัทย่อยของโกลบอล คอนซูเมอร์ ก็เข้าซื้อสิทธิแฟรนไชส์ร้าน A&W และถือสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในไทยเป็นระยะเวลา 20 ปี