Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ในรอบเดือนที่ผ่านมา ประเด็นข่าวที่ร้อนแรงเรื่องหนึ่ง คือการยุติชีวิตรัก 27 ปีของ ‘บิล เกตส์’ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลก กับ ภรรยาเมลินดา

ที่เป็นข่าวดังไม่ใช่เพียงเพราะทั้งคู่เป็นเซเลบริตี้เท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งคู่ดูเหมือนจะมีแต่ความโรแมนติก ตั้งแต่เริ่มสานสัมพันธ์กันในบริษัทไมโครซอฟท์ จนกระทั่งแต่งงานมีลูก และควงคู่ก่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือสังคมด้วยกัน นั่นทำให้หลายคนไม่อยากเชื่อว่าทั้งคู่จะเลิกรากันได้

ยิ่งชวนให้สงสัยมากขึ้น เพราะทั้งสองคนประกาศว่า “เราไม่เชื่อว่าจะสามารถใช้ชีวิตคู่ร่วมกันต่อไปได้อีกแล้ว” คำถามคือ การเลิกรากันเอาตอนที่บิลอายุ 65 และเมลินดาอายุ 56 เกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่มีทางที่จะประนีประนอมความสัมพันธ์กันได้เลยหรือ

สื่อต่างประเทศเริ่มขุดคุ้ยหาต้นเหตุปมเตียงหัก และค้นเจอประเด็นฉาวของบิล เกตส์ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีพฤติกรรมบางอย่างที่เป็นไปได้ว่าจะทำให้เมลินดาทนไม่ไหว ต้องขอแยกทางในที่สุด

ความสัมพันธ์ชู้สาวกับพนักงานไมโครซอฟท์

ปมฉาวเรื่องแรกมาจากรายงานของสำนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัล ระบุว่าในปี 2562 พนักงานสาวรายหนึ่งของไมโครซอฟท์ ได้เขียนจดหมายร้องเรียนถึงบอร์ดบริหารของบริษัท อ้างว่าเธอและบิลได้เริ่มความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกันมาตั้งแต่ปี 2543

เรื่องดังกล่าวทำให้คณะกรรมการบริหารของไมโครซอฟท์ ซึ่งบิล เกตส์ เป็นประธานกรรมการ ตัดสินใจจ้างสำนักงานกฎหมายให้ทำการสืบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด

ระหว่างการสืบสวน คณะกรรมการบางส่วนกังวลใจต่อข้อกล่าวหา และลงความเห็นว่าบิล เกตส์ ควรลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท แต่มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังคงเลือกให้เขาดำรงตำแหน่งต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในปีถัดมาหรือปี 2563 บิล เกตส์ กลับตัดสินใจลาออกจากบอร์ดบริหารด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่การสืบสวนปมชู้สาวดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้น จึงทำให้เกิดความคลางแคลงใจว่า หรือเรื่องฉาวดังกล่าวจะมีมูลความจริง แม้เขาจะให้เหตุผลว่าที่ลาออกเพราะต้องการมุ่งโฟกัสไปที่งานการกุศลก็ตาม

ด้านโฆษกของบิล เกตส์ ออกมายอมรับว่า “เรื่องชู้สาวนี้เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน และจบลงด้วยดี ขณะที่การตัดสินใจลาออกจากคณะกรรมการบริหารบริษัทของเกตส์นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด”

ประเด็นนี้ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เพราะเรื่องราวความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวของบิล เกตส์ กับพนักงานยังมีอีกหลายครั้ง

หนึ่งในนั้นคือในปี 2551 บิล เกตส์ เข้าประชุมและร่วมฟังการนำเสนอของพนักงานหญิงคนหนึ่งในบริษัท ไมโครซอฟท์ ซึ่งหลังจากประชุมเสร็จ บิล เกตส์ เดินออกจากห้องและส่งอีเมล์หาพนักงานคนดังกล่าวในทันทีเพื่อชวนไปดินเนอร์

เขายังระบุในอีเมล์ว่า “ถ้าสิ่งนี้ทำให้คุณไม่สบายใจ ก็แกล้งทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น” โดยแหล่งข่าว 2 รายระบุว่า แน่นอนว่าพนักงานหญิงคนนั้นไม่สบายใจ จึงแกล้งทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

นอกจากนี้ยังมีอีกเคสหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเล็กน้อย ขณะที่บิล เกตส์ เดินทางไปนิวยอร์กในนามของมูลนิธิ ซึ่งครั้งนั้นเขาไปกับพนักงานหญิงคนหนึ่งของมูลนิธิ ระหว่างยืนอยู่ด้วยกันในงานค็อกเทลปาร์ตี้ บิล เกตส์กระซิบบอกกับเธอว่า “ผมอยากเจอคุณ คุณจะไปดินเนอร์กับผมไหม?”

พนักงานหญิงคนดังกล่าวระบุว่า เธอรู้สึกอึดอัดและไม่ค่อยสบายใจ เลยทำไปแค่เพียงหัวเราะเพื่อเลี่ยงที่จะตอบ

นอกจากนี้ พนักงานทั้งในอดีตและปัจจุบันจำนวน 6 คนของไมโครซอฟท์, มูลนิธิ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ของบิล เกตส์ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเรื่องทำนองนี้มีมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งบางครั้งมันก็ทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานน่าอึดอัด

อย่างไรก็ตาม พนักงานบางคนกลับบอกว่า ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของบิล เกตส์ แต่ก็ไม่ได้มองว่าเขาเป็นนักล่าอะไรขนาดนั้น เพราะเขาไม่ได้เอาหน้าที่การงานมากดดันให้ผู้หญิงยอม ทั้งยังให้สิทธิ์ทุกคนในการปฏิเสธเขา

เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศของคนสนิท

นอกจากเรื่องสัมพันธ์ชู้สาวกับพนักงานแล้ว อีกหนึ่งปมฉาวที่สื่อนอกพูดถึง คือกรณีที่บิล เกตส์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นการล่วงละเมิดทางเพศของไมเคิล ลาร์สัน ผู้จัดการสินทรัพย์คู่บุญที่ทำงานให้เขามาเกือบ 30 ปี จนเรียกได้ว่าลาร์สันคือคนสำคัญที่ทำให้บิลล์ เกตส์ มั่งคั่งอย่างในทุกวันนี้ได้

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ไมเคิล ลาร์สัน ยังมีหน้าที่บริหารบริษัทลงทุนลับๆ ของบิลและเมลินดาอย่างบริษัทแคสเคด อินเวสต์เมนต์ ซึ่งมีสินทรัพย์อยู่ในพอร์ตมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น หุ้น, ตราสารหนี้, โรงแรม, ที่ดิน ฯลฯ รวมเป็นมูลค่ากว่า 1.74 แสนล้านเหรียญ นอกจากนั้น แคสเคด อินเวสต์เมนต์ ยังลงทุนในรูปแบบอื่นๆ อีก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบริษัทเวนเจอร์แคปิตอลที่ชื่อ แรลลี่ แคปิตอล

จุดสำคัญอยู่ที่แรลลี่ แคปิตอล ถือหุ้นจำนวนหนึ่งของร้านจักรยานที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ บริษัท ซึ่งในปี 2560 ผู้บริหารร้านจักรยานได้จ้างทนายความให้เขียนจดหมายถึงบิลและเมลินดา

โดยจดหมายระบุว่า ลาร์สันเคยล่วงละเมิดทางเพศผู้จัดการร้าน ซึ่งหญิงผู้จัดการร้านได้พยายามจัดการสถานการณ์ต่างๆ ด้วยตัวเองแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงขอให้บิลและเมลินดาช่วย และหากทั้งสองคนไม่ช่วย ก็อาจจะดำเนินการตามกฎหมาย

และดูเหมือนว่าบิล เกตส์ จะกระโดดเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหานี้ ซึ่งเรื่องยุติในปี 2561 ตรงที่หญิงผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ตกลงเซ็นสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับแลกกับเงินก้อนหนึ่ง

แต่เมลินดาไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ จึงจ้างให้สำนักงานกฎหมายดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับผู้หญิงคนดังกล่าว รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรของแคสเคด อินเวสต์เมนต์

ระหว่างการสอบสวน ลาร์สันถูกสั่งพักการทำงานชั่วคราว แม้ไม่ชัดเจนว่าผลการตรวจสอบเป็นเช่นไร แต่สุดท้ายลาร์สันก็ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง และยังคงรับหน้าที่บริหารแคสเคดมาจนถึงปัจจุบัน

คบค้าสมาคมกับผู้ต้องหาค้ามนุษย์

ปิดท้ายด้วยเรื่องฉาวสุดพีคที่หลายคนเชื่อว่าเป็นประเด็นที่ทำให้เมลินดาทนไม่ไหวและตัดสินใจหย่ากับบิล เกตส์

นั่นคือการที่บิล เกตส์ ไปคบค้าสมาคมกับเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ นักธุรกิจการเงินและเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศและค้ามนุษย์

เรื่องนี้มาจากการรายงานของนิวยอร์กไทม์ส ในปี 2562 ที่ระบุว่าบิลล์ เกตส์ เริ่มรู้จักกับเอปสไตน์ตั้งแต่ปี 2554 ทั้งๆ ที่เอปสไตน์เป็นผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และค้ามนุษย์ด้วยการจัดหาเด็กหญิงไปให้กับผู้มีชื่อเสียง

ซึ่งเอปสไตน์ก็รับสารภาพตั้งแต่ปี 2551 โดยที่อัยการรัฐฟลอริดาสั่งจำคุกเขาเพียง 13 เดือน ทั้งยังอนุญาตให้ออกจากคุกในตอนเช้าเพื่อไปทำงานได้ตามปกติอีกด้วย

ชีวิตติดคุกที่เหมือนไม่ติดคุกของเอปสไตน์ทำให้เขายังสามารถทำงานกอบโกยเงินเข้ากระเป๋าต่อไป กระทั่งเริ่มสนิทสนมกับบิล เกตส์ และมีการพบปะกันหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการไปนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเอปสไตน์ และการพบปะพูดคุยกันจนดึกดื่นที่บ้านของเอปสไตน์ในแมนฮัตตัน ซึ่งว่ากันว่าในบ้านของเอปสไตน์นั้นเต็มไปเด็กสาวสวยๆ รายล้อมอยู่เพียบ

แน่นอนว่าเมลินดารู้ว่าสามีคบค้าสมาคมกับชายคนนี้ เพราะในปี 2556 บิลเคยพาเธอไปกินข้าวที่บ้านเอปสไตน์ และนั่นก็ทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจนัก แต่บิล เกตส์ก็ยังมาพบปะเอปสไตน์อยู่อีกเนืองๆ โดยโฆษกของบิล เกตส์ ระบุว่าพวกเขาพบปะกันเพราะเรื่องงานการกุศลเท่านั้น

แต่ชะตากรรมของเอปสไตน์ยังไม่สิ้นสุด เมื่อตำรวจนิวยอร์กเข้าตรวจค้นบ้านเขาในแมนฮัตตันในเดือน ก.ค. 2562 และพบหลักฐานภาพโป๊เปลือยของเด็กสาวจำนวนมากที่ถูกเขาถ่ายไว้ขณะมีเพศสัมพันธ์

เขาถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำแมนฮัตตัน ก่อนที่ในเดือน ส.ค. 2562 เอปสไตน์จะตัดสินใจหนีปัญหาและแขวนคอฆ่าตัวตายกลางเรือนจำ

จากนั้นเรื่องราวการคบค้าสมาคมระหว่างบิล เกตส์ และเอปสไตน์ก็ถูกเผยแพร่ในเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีหลายสิ่งที่เมลินดาไม่รู้มาก่อน และสร้างความไม่พอใจให้เธอ

เพราะไม่นานหลังจากบทความดังกล่าวเผยแพร่ออกไป เมลินดาก็เริ่มปรึกษาทนายความจากหลายบริษัทเพื่อเตรียมการในเรื่องของการหย่าร้าง และการแบ่งทรัพย์สิน ซึ่งมีกำหนดเสร็จสิ้นในเดือนพฤษภาคม 2564

ด้านโฆษกของบิล เกตส์ ออกมาโต้แย้งถึงกระแสข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า “เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งที่มีการเผยแพร่เรื่องเท็จมากมายเกี่ยวกับสาเหตุ, พฤติการณ์ และไทม์ไลน์ของการหย่าร้างของบิล เกตส์ รวมถึงการบรรยายลักษณะการพบปะกับเอปสไตน์อย่างไม่ถูกต้อง และการระบุว่ามีการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างไม่เหมาะสมก็เป็นเรื่องเท็จเช่นกัน ข่าวลือและการคาดเดาเกี่ยวกับการหย่าร้างของคู่สามีภรรยาเกตส์กลายเป็นเรื่องไร้สาระมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นเรื่องที่โชคร้ายที่คนที่ไม่รู้จริงถูกมองว่าเป็นแหล่งข่าว”

แม้ท้ายที่สุดจะไม่ชัดเจนว่าเมลินดารับรู้ถึงพฤติกรรมฉาวของสามีมากน้อยแค่ไหน และประเด็นของเอปสไตน์คือปมแตกหักจริงหรือไม่ แต่หลายคนก็เชื่อว่า การตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ในครั้งนี้ คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อก้าวไปสู่ช่วงถัดไปในชีวิตของทั้งคู่ ปิดฉากคู่รักในตำนานด้วยความสัมพันธ์ยาวนาน 27 ปี

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า