เป็นยูนิคอร์น แล้วเป็นอะไร สรุปก้าวต่อไปของ Bitkub

ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มซื้อขาย ‘คริปโทเคอร์เรนซี’ อีกต่อไป เพราะบิทคับฝันไกลอยากวาง ‘โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล’ ให้กับประเทศไทย

TODAY Bizview ชวนอ่านแผนของบิทคับในปี 2022 ที่นอกจากจะมีเรื่องการขยาย ‘Bitkub Chain’ หรือการเปิดตัวโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่จะมาเชื่อมต่อเป็นจักรวาลโลกจริง-โลกเสมือนของ ‘Bitkub Metaverse’ แล้ว บิทคับยังสะท้อนมุมมองต่อการเติบโตของประเทศไทยที่บิทคับเชื่อว่าจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสทางเศรษฐกิจในยุค web 3.0 อย่างเร่งด่วน

1) หลังจากการก้าวสู่ตำแหน่ง ‘ยูนิคอร์น’ ตัวที่ 3 ของประเทศไทยแล้ว ฝันต่อไปของ ‘ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา’ ที่ประกาศย้ำอีกครั้งต่อหน้าสาธารณชนในช่วงปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา คือ การวางโครงสร้างให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย หลังทั่วโลกกำลังจะเปลี่ยนผ่านจากยุค web 2.0 สู่ยุค web 3.0

2) โดยหนึ่งในแผนของบิทคับ คือ การพัฒนา ‘Bitkub Chain’ บล็อกเชนสัญชาติไทยที่ก่อตั้งขึ้นด้วยฝีมือของ ‘กลุ่มบิทคับ’ ในวันที่ 28 เม.ย. 2564 ด้วย Node Validator ทั้งหมด 11 เจ้า กับเป้าหมายที่จะสร้าง ‘โครงสร้างพื้นฐานด้านบล็อกเชน’ ของคนไทยที่สามารถต่อยอดสร้างสรรค์เศรษฐกิจดิจิทัลได้

3) หลังการก่อตั้งของ ‘Bitkub Chain’ ทางบิทคับได้ริเริ่มโปรเจ็กต์ เพื่อขยายจำนวนผู้ใช้งานและสร้างการรับรู้ด้วยความมุ่งหวังจะให้เกิด Mass Adoption หรือการยอมรับในวงกว้างในอนาคต

4) โดยโปรเจ็กต์แรกของ ‘Bitkub Chain’ คือ ‘Fans Token’ แปรรูปชื่อเสียงของอินฟลูแอนเซอร์เป็นดิจิทัลโทเคน เพื่อนำกระแสแมสเข้ามาสู่เทคโนโลยีบล็อกเชน และยังมีโปรเจ็กต์ GameFi เกมแรกอย่าง ‘Morning Moon Village’ ออกมาดึงดูดผู้ใช้เข้ามาลองเล่นและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับ ‘Bitkub Chain’ ในวงกว้าง

5) ต่อจากนั้นบิทคับยังได้เริ่มต้นโปรเจ็กต์ ‘Bitkub NFT’ บน Bitkub Chain โดยมี NFT ของ ‘ท็อป-จิรายุส’ ขึ้นมาอยู่บนระบบเป็นชิ้นแรก และบิทคับยังได้นำ NFT ไปใช้กับวงการอีสปอร์ตในการแข่งขัน PUBG Tournament ด้วย

6) โดยมีเหรียญ KUB เป็นส่วนสำคัญของ Bitkub Chain ในการเป็น ‘ค่าแก๊ส’ หรือค่าทำธุรกรรม 

7) นับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ‘Bitkub Chain’ มีผู้ใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลทั้งหมด 8.58 แสนราย รวมถึงมีโปรเจ็กต์เกิดขึ้นแล้วทั้งหมด 28 โปรเจ็กต์ และผู้พัฒนา 965 ราย 

8 ) ส่วนจำนวนธุรกรรมเกิดขึ้นแล้วกว่า 67.3 ล้านครั้ง โดยเมื่อนับรวมจำนวนธุรกรรมทั้งหมดแล้วติด 1 ใน 20 ของเชนระดับโลกที่มีจำนวนธุรกิจกรรมมากที่สุด ดังนั้น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการขยายจำนวนผู้ใช้งานให้เป็น Mass Adoption ในปี 2022 Next Chapter ของ ‘Bitkub Chain’ อย่าง Erawan Hard Fork จึงเกิดขึ้น

[ อัปเกรดโครงสร้างพื้นฐาน ‘Erawan Hard Fork’ ]

9) Erawan Hard Fork คือกระบวนการอัปเกรดครั้งสำคัญของ ‘Bitkub Chain’ ที่เกิดขึ้นไปแล้วในวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมีการเปลี่ยนแปลงจากระบบ Proof of Authority (POA) เป็น Proof of Staked Authority (POSA) เพิ่มจำนวน Node Validator จาก 11 รายเป็น 21 ราย ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนธุรกรรมจาก 2,000 ครั้งต่อวินาทีเป็น 100,000 ครั้งต่อวินาที และสามารถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

10) นอกจากนั้น บิทคับยังเตรียมพัฒนาสู่การใช้ระบบ Proof of Stake (PoS) อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต โดยวางเป้าหมายว่าจะสามารถพัฒนาสำเร็จในเดือน พ.ค. 2023

11) ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ‘Bitkub Chain’ ยังมีการพัฒนา Data Oracle ร่วมกับ Loremboard ทำให้ดาต้าทั้งหมดบนบิทคับเอ็กซ์เชนจ์ที่เป็นมูลค่าเหรียญจะส่งตรงมาที่ ‘Bitkub Chain’ รวมถึงไตรมาส 2 ของปีนี้บิทคับยังได้เตรียมออก SDK หรือ Developer Tools อย่าง Next SDK และ Chain SDK เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านของฝั่งนักพัฒนาเข้าสู่ ‘Bitkub Chain’ ทำได้ง่ายขึ้น 

12) แล้วยังมี Bitkub Chain Layer 2 เครือข่ายบล็อกเชนย่อยที่ถูกสร้างมาเพื่อจัดการธุรกรรมขนาดเล็กแทนเครือข่ายหลัก เพื่อลดภาระและความหนาแน่นที่เตรียมจะปล่อยออกมาให้ใช้งานในลำดับถัดไป 

[ แผนสำหรับก้าวต่อไปของ Bitkub 2022 ]

13) ในปี 2022 เพื่อ “ยกระดับ Bitkub Chain ให้ก้าวไปสู่การใช้งานระดับโลก” และ “เชื่อมผู้ใช้งานระหว่างโลกความจริงและโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน“ แล้ว Bitkub Chain เตรียมโฟกัส 4 ด้านหลักอย่าง NFT, GameFi, DeFi และ Metaverse ผ่าน 4 โปรเจ็กต์ ดังนี้

14) โปรเจ็กต์แรก คือ Bitkub NEXT หรือ กระเป๋าเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถทำธุรกรรมและเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโทฯ หรือ NFTs สามารถเปิดได้ง่ายๆ ขอเพียงแค่มีเบอร์โทรศัพท์ และยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปฯ ที่ไม่มีตัวกลางอื่นๆ เช่น NFTs Marketplace, DeFi บนเครือข่าย Bitkub Chain ได้ในอนาคต 

15) โปรเจ็กต์สอง คือ Bitkub NFT หรือ แพลตฟอร์มสร้างสรรค์และแลกเปลี่ยน NFT บิทคับเตรียมจะพัฒนาส่วนต่างๆ เพิ่มขึ้น อย่างเช่น เพิ่มจำนวนร้านค้า เพิ่ม Gamification พัฒนา Creator Studio ให้ทุกคนสามารถสร้างผลงานได้  และ Utility NFTs ที่สามารถทำประโยชน์ได้หลากหลาย

16) โปรเจ็กต์สาม คือ Social Dao หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กแบบไม่มีตัวกลางที่สร้างขึ้นด้วยระบบโทเคน โดยมี NFT เป็นตัวแทนว่าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและสามารถออกเสียงได้โหวตสิ่งต่างๆ ด้วยโทเคนที่ถืออยู่

17) โปรเจ็กต์สี่ คือ Earn KUB หรือแพลตฟอร์มติดตามกิจกรรมบนโลกเสมือนและโลกจริง เพื่อให้สามารถมอบรางวัลให้ผู้ใช้ที่สามารถทำตามกิจกรรมที่กำหนดได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ชีวิตและรับประโยชน์จากสองโลกไปพร้อมๆ กันได้

18) โดยทั้ง 4 โปรเจ็กต์ของ Bitkub Chain จะช่วยเชื่อมต่อโลกจริงและโลกเสมือนอย่าง Mataverse เข้าด้วยกัน ผู้ใช้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ บนโลกเสมือนด้วยอวตาร เพื่อเก็บสะสมหรือแลกเปลี่ยน NFTs ผ่านการทำกิจกรรมบนโลกเสมือนและโลกจริงที่ติดตามผ่าน Earn KUB สามารถแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินจริงได้ ทั้งหมดจะประกอบกันเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับผู้ใช้งาน

19) ส่วน ‘Bitkub Metaverse’ นั้นบิทคับร่วมมือกับ The Monk Studio ผู้นำด้านอนิเมชัน ผสานเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับเกมออนไลน์ โดย 6 กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นบนเมตาเวิร์ส คือ explore, socialize, work, play, trade และ customize หรือเรียกง่ายๆ ว่า ผู้ใช้สามารถสร้างอวตารออกไปค้นพบสิ่งใหม่ สร้างสังคม ทำงาน เทรด และทำกิจกรรมอื่นๆ ได้หลากหลายคล้ายกับตัวละครในเกมอย่างเดอะซิมส์

“บนภูเขาน้ำแข็งอย่างเทคโนโลยี AR หรือ VR หรือเมตาเวิร์ส รวมถึง Internet from the sky หรือ IoT ที่ทุกคนเห็น ใต้ภูเขาน้ำแข็งมีเทคโนโลยีบล็อกเชน NFTs คริปโทเคอร์เรนซี หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานของ web 3.0 ดังนั้น เราต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลทั้งบนภูเขาน้ำแข็งและล่างภูเขาน้ำแข็ง”  

“วันนี้บิทคับมาบอกทุกคนว่าเราไม่ใช่แค่บริษัทคริปโทเคอร์เรนซีอีกต่อไป แล้วเราก็จะไม่หยุดแค่ยูนิคอร์น บิทคับกำลังจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้กับประเทศไทย ให้ทุกคนสามารถสร้างธุรกิจบนเลเยอร์ใหม่ให้ได้ ให้ GNP ของประเราอย่างน้อย 50% ต้องมาจากเศรษฐกิจดิจิทัล” ท็อป-จิรายุส ซีอีโอของกลุ่มกล่าว