SHARE

คัดลอกแล้ว

มติสภา กทม. ตัดงบ ‘ห้องเรียนปลอดฝุ่น’ กว่า 219 ล้านบาท ‘4 ส.ก.’ อภิปรายอ้างไม่คุ้มค่า แนะเพิ่มพื้นที่สีเขียว เสนอปลูกต้นไม้กรองฝุ่นแทน

ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66 เพื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มีมติตัดงบประมาณ “โครงการปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่น ชั้นอนุบาล 6 กลุ่มเขต” ของสำนักการศึกษาในวงเงิน 219,339,000 บาท

โดยเป็นการเห็นชอบตามที่คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้ขอสงวนความเห็นไว้เพื่อขอให้สภากรุงเทพมหานครวินิจฉัย ได้แก่ นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา (พรรคเพื่อไทย) ส.ก.เขตลาดกระบัง, นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง (พรรคเพื่อไทย), น.ส.รัตติกาล แก้วเกิดมี ส.ก.เขตสายไหม (พรรคไทยสร้างไทย) และนายวิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ (พรรคประชาธิปัตย์) ขอสงวนความเห็นในประเด็นโครงการการปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่นชั้นอนุบาล 6 กลุ่มเขต

ด้วยมติ เห็นชอบ (ให้ตัดงบ) 48 เสียง ไม่เห็นชอบ ไม่มี งดออกเสียง 1 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 49 คน จากจำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ทั้งหมด 50 คน

โดยสรุปเหตุผลของ 4 กรรมการวิสามัญฯ ที่ขอสงวน ชี้ว่า ที่ขอตัดงบนี้ เนื่องจากไม่คุ้มค่ากับงบประมาณในการปรับปรุง การปรับปรุงห้องเรียนโดยการจัดซื้อเครื่องปรับอากาศ อาจเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกวิธี พร้อมเสนอการแก้ปัญหาด้วยการปลูกต้นไม้เพื่อกรองฝุ่น และยังให้ความเห็นด้วยว่า การเขียนโครงการควรต้องเขียนให้สอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าฯ กทม. เรื่องเส้นเลือดฝอย

นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.เขตลาดกระบัง (พรรคเพื่อไทย) อภิปรายโดยสรุป ได้อ้างอิงถึงวัตถุประสงค์จัดทำห้องปลอดฝุ่น (clean air shelter) สำหรับอายุ 3-6 ขวบ โดยนำรูปแบบห้องปลอดฝุ่นและระบบฟอกอากาศมาปรับปรุงห้องเรียน ด้วยการติดแอร์ 30000 BTU 2 เครื่องว่า กับขนาดห้องเรียน 21-32 ตารางเมตร ท่านติดแอร์ 60000 BTU เด็กเขาจะหนาวไหม อย่าลืมโรงเรียนในกรุงเทพมหานครเรียนฟรี เด็กอนุบาล ตนเชื่อว่าฐานะไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เวลาอยู่ที่บ้านไม่ได้นอนห้องแอร์ นอกจากนี้ ติดพัดลมระบายอากาศ ติดตั้งประตู คิดตามสมเหตุสมผลหรือเปล่า

พร้อมยกห้องเรียนปลอดฝุ่นตัวอย่างที่แห่งแรกในประเทศไทย คือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลป่าตันนาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ที่มีปัญหาเรื่อง PM 2.5 อย่างสูง เขาติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ บอร์ดแสดงค่าฝั่นให้นักเรียนมาร่วมกับกิจกรรม มีแอปพลิเคชั่นแจ้งเตือนค่าฝุ่น ให้เด็กปลูกต้นไม้ดักฝุ่นในโรงเรียน เช่น ต้นลิ้นมังกร ต้นกวักมรกต ต้นพลูด่าง เทศบาลนี้ยังรณรงค์ไม่เผา และทำกิจกรรม ‘5 ส’ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและใช้งบประมาณเพียงหมื่นกว่าบาท 

ขณะที่ผ่านมา กทม. ทดลองทำ 32 โรงเรียน ‘ห้องเรียนสู้ฝุ่น’ เสร็จเมื่อ 31 มีนาคม 2566 ด้วยการเน้นกิจกรรมกลางแจ้ง ทำความสะอาดภายในอย่างสม่ำเสมอ ปิดประตูหน้าต่างอย่างมิดชิด ติดตั้งเครื่องอ่านค่าฝุ่นในห้องเรียน รณรงค์การไม่เผา และปลูกต้นไม้ดักฝุ่น มีหรือไม่ที่ติดแอร์ งบที่ใช้ก็หมื่นกว่าบาทเช่นกัน

ส่วนงบปรับปรุงที่เสนอมาใหม่นี้ประมาณ 231 ล้านบาท แบ่งเป็นการติดแอร์ 2 เครื่อง ใน 1,743 ห้อง รวมเป็นเงิน 174,300,000 บาท แต่จากข้อมูลการทำห้องเรียนปลอดฝุ่นในต่างจังหวัด เช่น ที่ จ.ลำปาง ใช้วิธีติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ 2 เครื่อง ถ้าคิดที่ 1,743 ห้อง จะเป็นเงินเพียง 9,935,100 บาท ประหยัดงบประมาณไปได้ถึง 164,364,900 บาท

“ท่านทราบไหมว่า บางเขต บางโรงเรียน นักเรียนอนุบาลมีแค่ 1-2 คน แล้วท่านจะติดแอร์ขนาด 60000 BTU เพื่ออะไร… เลยจะตั้งคำถามว่า สิ่งที่ทำโครงการมาตอบโจทย์แก้ปัญหาไหม 213 ล้านกับสิ่งที่นำร่องไปแล้ว ผมไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับโครงการ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับโครงการโรงเรียนปลอดฝุ่น  แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการ มันคุ้มค่ากับงบประมาณหรือเปล่า” ส.ก.สุรจิตต์ ระบุ

น.ส.รัตติกาล แก้วเกิดมี ส.ก.เขตสายไหม (พรรคไทยสร้างไทย) อภิปรายตอนหนึ่งว่า เราจะเอาโรงเรียนในกทม. ไปเปรียบเทียบกับเอกชนไม่ได้ เพราะเหล่านั้นพ่อแม่มีความพร้อมมีเงิน แต่กทม. เรียนฟรี เรียนดี อย่างมีคุณภาพ แล้วใช้จ่ายตรงนี้ ค่าไฟตรงนี้ใครจะรับผิดชอบ โครงการที่เคยทำไปเคยย้อนกลับไปดูหรือไม่ว่ามันเป็นภาระกับโรงเรียน บางที่ไม่เคยได้ล้างแอร์เลย แทนที่จะแก้ไขปัญหา PM 2.5 เด็กต้องรับฝุ่นเพิ่มอีก และอย่าลืมนโยบายของท่านผู้ว่าฯ ลดภาวะโลกร้อน แต่กลับจะมาเพิ่มความร้อน คอมเพรสเซอร์ที่อยู่ด้านนอกปล่อยความร้อนออกมา แล้วเด็กที่โตกว่า ครูที่สอนอยู่ไม่ก่อกวนหรือ ไหนจะบ้านที่อยู่ติดโรงเรียน ถ้าโดนร้องเรียนใครจะรับผิดชอบ

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงในที่ประชุมโดยสรุปว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายที่ 048 จาก 200 นโยบายที่ประกาศไว้ จัดพื้นที่ปลอดฝุ่นให้กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเด็กอายุ 1-6 ขวบก็เป็นกลุ่มเปราะบาง เพราะเป็นช่วงชีวิตที่มีการพัฒนาสมองมากที่สุด จึงเป็นช่วงสำคัญที่จะสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าในอนาคต หลายครั้งที่เราละเลยเด็กกลุ่มนี้ไป และทำให้เด็กพัฒนาไม่เต็มที่ ส่งผลให้การพัฒนาช่วงต่อไปช้าลง เด็กกลุ่มนี้ยังมีปัญหาใส่หน้ากากยาก เพราะเป็นเด็กเล็กและยังต้องนอนกลางวัน บางโรงเรียนโชคดีที่มีห้องแอรให้เด็กนอนกลางวัน เด็กก็จะนอนหลับสนิทและมีห้องที่ปิดล้อม ดังนั้นแนวคิดที่จะทำห้องปลอดฝุ่นที่มีเครื่องปรับอากาศ ก็อยู่ภายใต้แนวคิดนี้ ไม่มีอะไรซับซ้อน เน้นเด็กกลุ่มเปราะบาง

“หลายครั้งที่เราไปที่โรงเรียนเราก็เห็นเด็กอยู่ในห้องร้อนๆ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ฝุ่นมาก็คือต้องนั่งมีหน้ากากใส่ เลยคิดว่า เอ๊ะ ทำไมห้องผู้ว่าฯ ถึงมีแอร์ได้ แล้วทำไมห้องเด็กซึ่งเป็นอนาคตสำคัญของประเทศ ของเมือง ทำไมถึงไม่มีเงินติดแอร์ให้ อย่างเราเองเป็นผู้ว่าฯ มีฝุ่นปุ๊บก็เข้ามาในห้องมีแอร์ก็ปลอดภัยขึ้น ความคิดจริงแล้วเรื่องงบประมาณ เรื่องการลงทุน คิดว่าการลงทุนกับเด็ก ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์และคุ้มค่า จะเพิ่มสมาธิหลายๆ ด้าน”

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องค่าไฟ ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิด อนาคตก็คงต้องมีการติดโซลาร์เซลล์ในโรงเรียนมากขึ้น และคิดว่าไม่ว่าเด็กรวยหรือจน ก็ควรจะมีโอกาสที่ได้เรียนในห้องเรียนที่เหมาะสมกับการเรียน ไม่ต้องกังวลเรื่องต่างๆ แต่ก็คงจะต้องน้อมรับการตัดสินใจของสมาชิกสภา

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังได้ขอแก้ไขข้อมูลจากการอภิปรายของ ส.ก.ว่า เรื่องขนาดห้องเรียนเด็กอนุบาล คือ 49-64 ตารางเมตร เลยทำให้ต้องมีเครื่องปรับอากาศ 30000 BTU 2 เครื่อง

ภายหลัง เสียงส่วนใหญ่ของสภา กทม. มีมติ ตัดงบ ปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่น กว่า 219 ล้านบาท นายศานนท์ รองผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์โดยสรุปว่า คงเป็นรายละเอียดที่สภา กทม. น่าจะคิดว่ายังไม่ค่อยคุ้มค่า ถือว่ายังทำการบ้านไม่ดี ก็ต้องกลับไปปรับปรุงแก้ไขรายละเอียด และว่า การติดแอร์ไม่ได้ช่วยแต่เรื่องฝุ่น แต่ช่วยสร้างสมาธิด้วย ขณะที่หลายโรงเรียน กทม. มีติดแอร์ไปแล้ว ก็มีแนวทางปฏิบัติอยู่ ไม่ได้เปิดตลอด ถ้าเปิดตลอดค่าไฟโรงเรียนก็อ่วมเหมือนกัน อย่างไรก็ตามสำหรับงบที่ถูกตัดไป ไม่สามารถแปรญัตติได้อีกในงบประมาณรอบนี้ ต้องเสนอโครงการใหม่ ในการเสนอข้อบัญญัติงบประมาณรอบใหม่

สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) 50 คน จากพรรคการเมืองและกลุ่ม ซึ่งผ่านการเลือกตั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2565 ดังนี้

พรรคเพื่อไทย 20 คน

พรรคก้าวไกล 14 คน

พรรคประชาธิปัตย์ 9 คน

กลุ่มรักษ์กรุงเทพ 3 คน

พรรคพลังประชารัฐ 2 คน

พรรคไทยสร้างไทย 2 คน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า