ประกาศหยุดใช้ระบบ BlackBerry 10, OS 7.1 มีผล 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ผลก็คือ มือถือ BlackBerry รุ่นคลาสสิคมีปุ่มกดจะใช้งานไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจากการยุติซัพพอร์ตระบนี้ กระทบการใช้งานพื้นฐานสำคัญๆ อย่างการส่งข้อความ โทรเข้า-โทรออก
หากใครยังจำกันได้ สักช่วงปี ค.ศ. 2000 ต้นๆ ไอเท็มสุดฮิตนั้นหนีไม่พ้นมือถือ BlackBerry เรียกได้ว่ายุคนั้น BlackBerry เป็นราชาวงการมือถือ และยังเป็นสัญลักษณ์ของคนทันสมัย นักธุรกิจและคนรวย
BlackBerry มีที่มาแรกเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 โดยสองนักศึกษาวิศวกรรมในแคนาดา Mike Lazaridis และ Douglas Fregin โดยในขณะนั้นใช้ชื่อบริษัทว่า Research in Motion หรือ RIM
ซึ่งโปรดักต์แรกๆ ของบริษัทนั้นไม่ใช่ BlackBerry แต่เป็นอุปกรณ์เพจเจอร์ ที่ภายหลังต่อยอด เพิ่มความสามารถใหม่ๆ เข้าไปอย่าง จอสี, การเชื่อมต่อ Wi-Fi, การส่งข้อความ การเข้าถึงเว็บไซต์ ไปจนถึง Trackball หรือปุ่มเลื่อนตรงกลางเครื่อง เพื่อให้การเลื่อนขึ้นเลื่อนลงบนหน้าจอทำได้ง่ายขึ้น
จนกระทั่งปี 2007 บริษัทมีรายได้กว่า 3 พันล้านเหรียญจากการขาย BlackBerry และครั้งหนึ่งเคยทำยอดขายทะลุ 50 ล้านเครื่อง
จุดเริ่มต้นของขาลงมือถือ BlackBerry รวมถึงมือถือปุ่มกดอื่นๆ เกิดขึ้นเมื่อ Apple เปิดตัว iPhone รุ่นแรกในปี ปี 2007 การปรากฏตัวของมือถือทัชสกรีนเต็มจอ ไร้ปุ่มกดเป็นสิ่งใหม่มากในขณะนั้น แต่ BlackBerry ก็ไม่ได้มอง Apple เป็นภัยคุกคาม ยังคงเดินหน้าขายมือถือในแบบของตัวเองตามปกติ
ประกอบกับยุคนั้น iPhone ยังไม่สามารถเอาชนะมือถือปุ่มกดได้ในทันที เนื่องจากราคาแพง แต่แล้ว Apple ก็เริ่มยึดครองตลาดมือถือได้ เพราะอัพเดตรุ่นใหม่ทุกปี มีการพัฒนาฟีเจอร์และความสามารถใหม่ๆ สวนทางกับ BlackBerry
นอกจาก iPhone แล้ว ช่วงนั้นเริ่มมีมือถือระบบ Android เข้ามาตีตลาด ดึงดูดนักพัฒนาให้พัฒนาฟีเจอร์ แอปพลิเคชันใหม่ๆ
ขาลง BlackBerry ชัดเจนขึ้นเมื่อส่วนแบ่งการตลาดของ BlackBerry ลดจาก 20% ในปี 2009 เหลือไม่ถึง 5% ในปี 2012
จนกระทั่งในปี ปี 2016 BlackBerry ถอนตัวออกจากธุรกิจมือถือ และขายแบรนด์ให้ TCL
และปิดฉากอย่างสมบูรณ์จากการยุติซัพพอร์ตระบบ BlackBerry ในปี 2021
อย่างไรก็ตาม มือถือ BlackBerry ยังคงมีอยู่ โดยเจาะตลาดกลุ่ม Enterprise ซึ่งรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android
