SHARE

คัดลอกแล้ว

เหตุการณ์สุดช็อกที่ คริสเตียน อีริคเซ่น ล้มวูบลงไปกลางสนาม ในศึกยูโร 2020 ระหว่างเกมเดนมาร์ก กับฟินแลนด์ ในช่วงท้ายครึ่งแรก ในมุมหนึ่งคือความน่ากลัว  เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนที่เห็นๆ กันอยู่วันนี้ รู้ตัวอีกที อาจจะกำลังต้องยื้อชีวิตก็เป็นได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับนักกีฬาระดับโลก ที่ร่างกายแข็งแรง ฟิตซ้อมทุกวัน

เรื่องของอีริคเซ่น ทำให้แฟนกีฬา ย้อนคิดถึงกรณีของ มาร์ก วิเวียน-โฟเอ้ นักเตะแคเมอรูนที่เสียชีวิตจากอาการวูบกลางสนาม ในปี 2003  หรือกรณีของดาวิเด้ อัสโตรี่ นักเตะของฟิออเรนติน่า ที่หัวใจวาย เสียชีวิตในปี 2018 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความน่ากลัวที่เกิดขึ้น มีบางอย่างที่สามารถใช้เป็นการเรียนรู้ได้ workpointTODAY ถอดออกมาเป็น 4 บทเรียนที่สำคัญครับ

เรื่องแรก คือ ผู้ตัดสินในเกมระหว่างเดนมาร์ก กับฟินแลนด์ คือแอนโธนี่ เทย์เลอร์ ชาวอังกฤษ

ทันทีที่เห็นความผิดปกติเกิดขึ้น เขาเป่าหยุดเกมทันที และเร่งให้ทีมแพทย์เข้ามาในสนามโดยด่วน ทำให้แพทย์ได้มีโอกาสเข้ามารักษาอาการของอีริคเซ่นได้ทันท่วงที และว่ากันว่านี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตการเป็นกรรมการของเขา เพราะนี่คือคุณสมบัติสำคัญของผู้ตัดสินในยุคนี้ คุณไม่ได้มีหน้าที่แค่ตัดสินเกม แต่ต้องดูสถานการณ์รอบด้าน และเลือกความปลอดภัยของนักกีฬาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เรื่องที่สอง คือสติของเพื่อนร่วมทีมโดยเฉพาะ ซิมง เคียร์ กองหลังกัปตันทีม ที่วิ่งปรี่เข้ามาดูอาการของอีริคเซ่น รีบช่วยเหลือเบื้องต้น ก่อนส่งต่อให้กับทีมแพทย์ หลังจากดูแลเพื่อนแล้ว เคียร์ยังรีบหันไปดูแลซาบรีน่า ควิสต์ เจนเซ่น แฟนสาวของอีริคเซ่น 

นอกจากนี้ยังมีภาพที่สะท้อนถึงความผูกพันของเพื่อนร่วมทีม กับจังหวะที่นักเตะทีมชาติเดนมาร์กหันหลังให้กับอีริคเซ่น ตั้งเป็นกำแพงมนุษย์ ป้องปรามไม่ให้ภาพที่น่าหวาดกลัวของเพื่อนพวกเขาต้องถูกฉายไปให้ทั่วโลกเห็น

จะเห็นว่าหลายคนเป็นห่วงอีริคเซ่น แต่พวกเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมทีม

เรื่องที่สาม คือเรื่องของการปฐมพยาบาลหลังจากที่อีริคเซ่น ล้มลงไปกับพื้น ทีมแพทย์ใช้เวลาแค่ 21 วินาทีเท่านั้น ในการวิ่งมาเข้าถึงตัวอีริคเซ่น และทำ CPR ทันที 

CPR (ช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน) หรือการปั๊มหัวใจ เป็นจุดชี้ขาดที่ทำให้อีริคเซ่นมีชีวิตรอดต่อไปได้ นี่เป็นกรณีศึกษาที่สำคัญ ที่ทำให้เห็นว่า ความรู้เรื่อง CPR ควรเป็นความรู้พื้นฐานของทุกคน 

ในการแข่งขันยูโรครั้งนี้ ทีมแพทย์มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ครบครัน รวมถึงเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า หรือ AED ในเกมฟุตบอลยุโรป ทุกสนามแข่งขัน มีข้อกำหนด ต้องมีเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าติดไว้เสมอ เพื่อเตรียมสำหรับกรณีแบบนี้ ขณะที่ในไทย ถ้าเป็นเกมระดับไทยลีก เรามีเครื่อง AED ทุกสนามอยู่แล้ว ซึ่งในอนาคต เกมการแข่งในระดับลีกรองลงไป ก็เป็นเรื่องดี ถ้าจะมีเครื่อง AED ติดไว้ทุกสนาม เพราะเราไม่มีทางได้รู้ว่า จะต้องได้ใช้มันเมื่อไหร่ 

เรื่องที่สี่ คือจริยธรรมในการถ่ายทอดสด เป็นสิ่งสำคัญมาก ที่อังกฤษ บีบีซี ช่องโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสด ถูกวิจารณ์หนัก เนื่องจากไม่ยอมตัดภาพจังหวะที่อีริคเซ่นนอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น แต่ซูมเข้าไปใกล้ๆ ให้เห็นภาพกันชัดๆ

สุดท้ายทางบีบีซี ต้องออกมาแถลงคำขอโทษ เนื่องจากเป็นการไม่เคารพผู้ป่วย และเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างยิ่ง ถ้าหากมีจังหวะลักษณะนี้ สิ่งแรกที่สถานีโทรทัศน์ต้องทำ คือตัดเข้าหน้าพิธีกรทันที นี่ก็จะเป็นกรณีศึกษาให้วงการสื่อมวลชนต่อไป 

สำหรับสถานการณ์ของอีริคเซ่น เขาถูกนำตัวออกจากสนามไปโดยยังมีสติอยู่ และไปโรงพยาบาลที่อยู่ห่างจากสนามเพียง 500 เมตร อย่างไรก็ตาม แฟนบอลยังคงกังวลใจ เพราะเคยมีกรณีของอันโตนิโอ ปูเอร์ต้า นักเตะเซบีญ่า ที่มีอาการคล้ายๆ กัน 

นั่นคือวูบไปกลางสนาม แต่ก็ได้สติ แล้วไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอยู่ดี นั่นทำให้แฟนบอลยังไม่สบายใจ และเกมการแข่งขันก็ยังไม่สามารถเริ่มต่อได้ จนกว่าจะได้คำยืนยันว่าอีริคเซ่นปลอดภัยแล้ว ในช่วงระหว่างที่รอ แฟนบอลในสนามตะโกนให้กำลังใจอีริคเซ่นอย่างกึกก้อง

แฟนบอลฟินแลนด์ตะโกนคำว่า “คริสเตียน” จากนั้นแฟนเดนมาร์ก ก็ตะโกนกลับมาว่า “อีริคเซ่น”

เสียงแฟนบอล 15,000 คน แต่ดังกึกก้องราวกับมีแฟนบอล 50,000 คนเลยก็ว่าได้

ความเป็นความตาย สำคัญกว่าผลแพ้ชนะ 

ในมุมของเดนมาร์ก ฟุตบอลนัดนี้มีความหมายมาก เพราะเป็นการลงแข่งในกรุงโคเปนเฮเก้น เมืองหลวงบ้านเกิดของพวกเขา โดยอีริคเซ่นเป็นผู้เล่นระดับโลกที่คนเดนมาร์กภาคภูมิใจ

ในมุมของคู่แข่งอย่างฟินแลนด์ นัดนี้เป็นนัดสำคัญของพวกเขา เพราะนี่คือการได้ลงเตะทัวร์นาเมนท์ใหญ่อย่างยูโรเป็นครั้งแรก แต่ในนาทีแห่งชีวิต นักเตะทุกคนกลับหันมาให้ความสนใจอีริคเซ่น เพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในเกมกีฬา คือเรื่องของชีวิต

หลังจากหยุดแข่งขันไป 1 ชั่วโมงครึ่ง ทางยูฟ่า ได้คอนเฟิร์มว่าอาการของอีริคเซ่นปลอดภัยแล้ว และตัวอีริคเซ่นเอง ก็เฟซไทม์มาแจ้งกับเพื่อนๆว่า ให้แข่งต่อได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วง ทำให้เกมการแข่งขันดำเนินต่อไป แม้นักเตะเดนมาร์กจะไม่มีสมาธิเหลือแล้วก็ตาม เกมจบลงด้วยชัยชนะของทีมฟินแลนด์ก็จริง แต่แฟนบอลเดนมาร์กหลายคนก็บอกว่า ถ้าแลกกับชีวิตของอีริคเซ่น แพ้นัดนี้พวกเขายอม

เรื่องราวของอีริคเซ่นในครั้งนี้ เป็นกรณีศึกษาสำคัญหลายอย่าง ทั้งความรู้เรื่อง CPR เรื่อง AED และเรื่องมารยาทของสื่อ รวมถึงสปิริตการเป็นทีมและคู่แข่ง

และเหนือสิ่งอื่นใด กรณีของอีริคเซ่น ทำให้หลายคนตระหนักถึงความสำคัญของชีวิต 

คนที่เห็นกันอยู่ดีๆ แต่ไม่มีทางรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้เขาจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ดังนั้นการทำดีๆ ต่อกันไว้ ในช่วงเวลาที่มีร่วมกัน จึงเป็นสิ่งที่มีความหมายมากจริงๆ โดย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า