ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชันในประเทศไทยประจำปีพ.ศ. 2564 (2021) ตกลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี สวนทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ตั้งเป้าทำให้ได้ไม่ต่ำกว่า 50 คะแนนภายในปี พ.ศ. 2565 (2022)
ดัชนีดังกล่าววัดโดยองค์กร Transparency International ซึ่งจัดการประเมินผลทุก ๆ ปี โดยอาศัยฐานข้อมูลด้านความโปร่งใสและคอร์รัปชั่นกว่า 10 ฐานข้อมูลทั่วโลกมาประมวลเป็นตัวเลขและจัดอันดับ โดยปีนี้ประเทศไทยได้คะแนนไป 35 คะแนน นับเป็นค่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี
ขณะเดียวกัน เมื่อนำมาจัดอันดับ (Ranking) ก็พบว่าอันดับของประเทศไทยในปีนี้ ( อันดับที่ 110 จาก 180 ประเทศ) นับว่าเป็นอันดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีเช่นกัน เทียบกับปีอื่น ๆ ดังนี้
พ.ศ. 2555 ที่ได้อันดับ 88 ,
อันดับและคะแนนปีนี้ตกลงฮวบ สวนทางกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยแผนแม่บทประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. 2563 – 2580) กำหนดโร้ดแมปไว้ว่า ปี 2565 จะต้องขยับมาเป็นอันดับ 1 ใน 54 และหรือได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 50 คะแนน จากการประเมินผ่านดัชนีการรับรู้การทุจริตของ Transparency International นอกจากนี้ยังปรับคะแนนเป้าหมายสูงขึ้นทุก 5 ปี และกำหนดว่าเมื่อครบตามยุทธศาสตร์ 20 ปีแล้วจะต้องเป็นประเทศปลอดคอร์รัชชั่นติดอับดับ Top 20 และได้คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 73 คะแนน
ทำอย่างไรจึงจะได้คะแนนดีและมีอันดับสูง Transparency International คิดตามตัวเลขการติดสินบน การยักยอกเงินหลวง ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่ถูกลงโทษ ความสามารถของรัฐบาลในการควบคุมการคอร์รัปชั่นโดยเอกชน ความเทอะทะของระบบราชการที่อาจเอื้อไปสู่การคอร์รัปชั่น ภาวะการสร้างเครือข่ายพวกพ้อง กฎหมายที่กำหนดให้ภาครัฐต้องเผยข้อมูลกรณีที่อาจมีการทับซ้อนกันของผลประโยชน์ กระบวนการปกป้องผู้แจ้งเหตุคอร์รัปชัน การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนสามารถตรวจสอบภาครัฐได้
ด้านแผนแม่บทบูรณาการการป้องกัน ปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบ ระยะ 20 ปี(พ.ศ. 2560 – 2539) กำหนดยุทธศาสตร์หลัก 2 แผนย่อยได้แก่
– แผนย่อยการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบปรับพฤติกรรมคนทุกกลุ่มในสังคม และส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในการต่อต้านการทุจริต
– แผนย่อยการปราบปรามการทุจริต เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของกระบวนการและกลไกที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการทุจริต พัฒนาระบบดิจิทัล และองค์ความรู้เชิงสหวิทยาการของเจ้าหน้าที่