Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สธ.พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่ม 32 คน และมีผู้ป่วยรอยืนยันอีก 51 คน รวมผู้ป่วยสะสม 114 คน มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แนะนำให้ประชาชนลดการเดินทาง หรือ หลีกเลี่ยงไปยังสถานที่แออัด สถานบันเทิง ร้านอาหาร สนามมวย สนามม้า เพื่อลดการติดเชื้อ

เมื่อเวลา 13.25 น. วันนี้ (15 มี.ค.63 ) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยล่าสุด พบผู้ป่วยเพิ่ม 32 ราย รวมไทยมีผู้ป่วยสะสม 114 ราย รักษาหายแล้ว 37 ราย รักษาที่โรงพยาบาล 76 ราย เสียชีวิต 1 ราย และยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 51 ราย โดยพบการแพร่เชื้อจากสถานที่ที่มีประชาชนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงสถานที่ที่มีชาวต่างชาติอยู่จำนวนมาก

ผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 32 ราย ที่มีความสัมพันธ์กับสถานที่ต่างๆ ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เชื่อมโยงกับสนามมวย จำนวน 9 ราย
กลุ่มที่ 2 เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง จำนวน 8 ราย
กลุ่มที่ 3 ทำงานสัมผัสกับกลุ่มนักท่องเที่ยว จำนวน 3 ราย
กลุ่มที่ 4 ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ จำนวน 7 ราย
กลุ่มที่ 5 เป็นผู้สัมผัสเจ้าของร้านอาหารที่ติดเชื้อ จำนวน 2 ราย
กลุ่มที่ 6 อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนโรค จำนวน 3 ราย

โดยมีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้เพิ่มอีก 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 29 ปี และหญิงไทย อายุ 22 ปี จากสถาบันบำราศนราดูร
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ติดเชื้อโควิด-19 จากสนามมวยลุมพินี รวมทั้ง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ติดเชื้อนั้น กระทรวงฯ ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเป็นสิทธิผู้ป่วย

นพ.สุขุม ระบุว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำแนะนำมาตลอดคือขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงไปต่างประเทศในช่วงนี้ ซึ่งหลายคนก็ยังคงไปอยู่ เมื่อไปแล้วกลับมาก็ยังเข้าสังคม รวมกลุ่ม ไม่กักตัว ทำให้เกิดการแพร่เชื้อหลังจากทำกิจกรรมร่วมกันในสถานที่ที่มีคนอยู่ร่วมกันจำนวนมาก จึงแนะนำให้ประชาชนลดการเดินทาง หรือ หลีกเลี่ยงไปยังสถานที่แออัด สถานบันเทิง ร้านอาหาร สนามมวย สนามม้า เพื่อลดการติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังขอให้หน่วยงานราชการต่างๆ ลดการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งงดเด็ดขาดแล้ว

สำหรับวันพรุ่งนี้ กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอ 3 มาตรการ ต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แก่
1.ลดคนเดินทางเข้าประเทศ
2.ปิดสถานบริการ ที่มีความแออัด มีความเสี่ยงสูง มีการพบผู้ป่วย
3.งดกิจกรรมรวมคนหมู่มาก

ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรคจะจัดทำแผนที่แสดงพิกัดของผู้ที่ติดเชื้อทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังโรค

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณายกระดับโควิด-19 เป็นโรคฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยกังวลใจว่าเมื่อเข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชน ครบ 72 ชม. จะต้องย้ายไปรักษาที่ รพ.อื่น แต่จากนี้จะรักษาจนหายได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
พร้อมยืนยันว่า หากผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ไม่ว่าผลตรวจทางห้องปฏิบัติการจะเป็นลบหรือบวก จะไม่เสียค่าใช้จ่าย กรณีหากตรวจให้ห้องปฏิบัติการเครือข่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งหมด 18 แห่ง และต้องอยู่ในเกณฑ์ คือ มีประวัติสัมผัส หรือ เดินทาง กลับมาจากต่างประเทศ แต่หากต้องการตรวจเพื่อความมั่นใจ จะเสียค่าใช้จ่ายเอง

ด้าน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำว่า อาการของผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 80 มีอาการน้อยเหมือนไข้หวัดทั่วไป จึงทำให้ทุกคนยังออกมาทำกิจกรรมต่างๆ ทางสังคม แต่ด้วยอาการลักษณะเช่นนี้ในสถานการณ์โรคโควิด 19 ให้สันนิษฐานว่ามีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อไว้ก่อน และทบทวนการใช้ชีวิตย้อนหลังว่าสัมผัส หรือ ใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงหรือไม่
เบื้องต้นหากพบว่ามีอาการ แนะนำให้ทุกคนหยุดอยู่บ้าน วางแผนการใช้ชีวิต ลดการเดินทางไปยังพื้นที่สาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า เพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากขณะนี้ พบการระบาดในลักษณะเป็นกลุ่มมากขึ้น สิ่งสำคัญของการควบคุมโรค คือ เจ้าหน้าที่จะต้องค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดให้เร็วที่สุด
นายแพทย์ธนรักษ์ ย้ำด้วยว่า ผู้ที่มีประวัติเดินทางไปสนามมวย สนามม้า สถานบันเทิง หากเจ็บป่วย ไอ น้ำมูก ให้รีบมาพบแพทย์

“โรคนี้กับคนส่วนใหญ่ ยืนยันว่ากว่า 80% คนไข้อาการเบาราวกับเป็นหวัดธรรมดา เขาเลยมีแรงไปที่โน่นที่นี่ เพราะฉะนั้นยืนยันอีกครั้งนะครับ เป็นหวัดไม่ว่าอาการจะเบาแค่ไหน วันนี้ต้องพักอยู่กับบ้านแล้ว หยุดแพร่เชื้อ ถ้าเกิดสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโควิดรีบไปโรงพยาบาล อย่าเปิดช่องให้เราแพร่เชื้อไปยังคนอื่น” นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

ส่วนการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ย้ำว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้จัดทำหลักเกณฑ์ให้กับโรงพยาบาลแล้ว ดังนั้น ทุกแห่งจะต้องจัดสถานที่รองรับผู้ป่วยไม่ว่าจะเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคหรือไม่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจนกว่าผลตรวจจากห้องปฏิบัติการจะยืนยัน

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า