ปิดฉากเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพฯ ครั้งที่ 15 (The 15th World Film Festival of Bangkok ) เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 65 ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีการมอบรางวัล ‘เกรียงศักดิ์ ศิลากอง’ เพื่อรำลึกถึงการจากไปของ ‘วิคเตอร์’ เกรียงศักดิ์ ศิลากอง ผู้ริเริ่มเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพฯ
โดยผู้ได้รับรางวัลในครั้งนี้ คือ ‘เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล’ ผู้กำกับภาพยนตร์ระดับโลก เจ้าของผลงานภาพยนตร์ที่มีรางวัลการันตีระดับโลกอย่าง ลุงบุญมีระลึกชาติ, Memoria ซึ่งในตอนต้นของการกล่าวถึงรางวัลที่ได้รับ ‘เจ้ย อภิชาตพงศ์’ ได้เชิญชวนให้ผู้ร่วมงานเงี่ยหูฟังเสียงของ ‘วิกเตอร์’ เพื่อเป็นการให้เกียรติครู่หนึ่งด้วย
จากนั้น ‘เจ้ย อภิชาตพงศ์’ ได้กล่าวว่า ที่ทำหนังมา 25 ปี ซึ่งเป็นเวลาแค่เสี้ยวเดียวของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย หรือของโลกก็ตาม แต่ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ยังไม่เข้าใจเลยว่า ทำหนังไปเพื่ออะไร ดังนั้นจึงอยากจะบอกหรือถามคำถามกับคนทำหนังในที่นี้ว่า “คุณทำหนังไปเพื่ออะไร ?” แต่ที่แน่นอนสำหรับตัวเองแล้ว ไม่ได้ทำเพื่อต้องการเล่าเรื่องราวอะไร เพราะที่จริงแล้วภาพยนตร์อาจเป็นตัวเชื่อมตัวเรากับผู้คน หรืออาจเป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อเพื่อการใช้ชีวิต หรือว่าเป็นตัวแทนของอิสรภาพหรือว่าอำนาจก็แล้วแต่ แต่สำหรับตัวเองแล้วคิดว่ารางวัลนี้ เป็นเครื่องเตือนใจให้ได้ต่อยอดคำถามนี้ต่อไป แล้วก็ได้ชื่นชมกับความลึกลับของอาชีพนี้ ของการเดินทางนี้ต่อไป
“เมื่อ 15 ปีที่แล้ว มีผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังวัฒนธรรม มีศูนย์นี้จริงๆ กระทรวงวัฒนธรรม ผู้อำนวยการบอกนักข่าวว่า ไม่มีใครอยากดูหนังของผมหรอก ไม่มีใครอยากดูหนังของอภิชาติพงศ์ และการที่ผมยืนอยู่ตรงเนี่ย มันเป็นข้อพิสูจน์ ในสิ่งที่ผมอยากจะบอกคนทำหนังทุกคนว่า ไม่ต้องสนแม่ง! หรือภาษาอังกฤษก็คือ Dont give a damn! คือนี่ไม่ได้พูดจากความเกลียดชังนะ แต่ว่าอยากจะบอกว่าเราไม่ควรจะตกเป็นทาสจากเสียงที่เกิดจากความกลัว หรือว่าจากเผด็จการของความคิด ผมคิดว่าพวกเราทุกคนมีส่วนร่วมในการต่อยอดบทสนทนานี้ และก็สิ่งที่คนทำหนังจะทำได้ดี ทำต่อไปก็คือบันทึก บันทึกต่อไป Keep Recording และก็รักต่อไป Keep Loving”
ในช่วงท้าย ‘เจ้ย อภิชาติพงศ์’ บอกว่า สุดท้ายนี้พูดถึงความรัก อยากจะแสดงความขอบคุณคุณโดม และก็ทุกๆ ท่านที่เป็นเพื่อนกันมาตลอด ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่ทำให้ตนมายืนและก็หายใจอยู่ที่นี้ และขอบคุณผู้ชมทุกคนที่รักและสนับสนุนภาพยนตร์ เสมอมาเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่มันเป็นกระจกสะท้อนพวกเรา แล้วก็เชื่อมพวกเรา คิดว่ารางวัลนี้ก็คือรางวัลแห่งความรักของพี่วิกเตอร์ ก็เลยขอให้เสียงของพี่ยังคงอยู่กับเราตลอดเวลา และก็ขับเคลื่อนเทศกาลนี้ให้อยู่ไปอีกนานเท่านาน ขอบคุณครับ
ภาพจาก : World Film Festival of Bangkok Official
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
สัมภาษณ์ ‘เจ้ย อภิชาติพงศ์-ทิลด้า’ Memoria กับโรค Exploding Head Syndrome
‘Memoria’ ผลงานกำกับโดย ‘เจ้ย อภิชาติพงศ์’ คว้ารางวัล ‘Jury Prize’ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2021
“เจ้ย อภิชาติพงศ์” คว้ารางวัลศิลปะร่วมสมัย ระดับโลก Artes Mundi Prize