SHARE

คัดลอกแล้ว

วันนี้ (18 ต.ค. 2565) ในงานสัมมนาประจำปีของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) หรือ Fitch Ratings นักวิเคราะห์ของฟิทช์ คาดว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องแม้ว่าเศรษฐกิจอื่นในต่างประเทศจะเผชิญกับการชะลอตัว

เนื่องจากประเทศไทยยังมีกันชนในส่วนของภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง รวมทั้งการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศและภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

ผลการดำเนินงานโดยรวมของภาคธนาคารและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมน่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามการเติบโตอาจจะถูกจำกัดโดยต้นทุนพลังงานที่สูง

[ 3 ประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกยังถูกกดดัน ]

‘เจมส์ แมคคอร์แมค’ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้ากลุ่มจัดอันดับเครดิตประเทศของฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับแรงต้านที่รุนแรงในช่วงที่เหลือของปีนี้ และแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2566 ยังคงมีความท้าทายต่อเนื่อง

ฟิทช์คาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรปได้เริ่มเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยตั้งแต่ในช่วงปีนี้ โดยเศรษฐกิจของประเทศเยอรมันนี อิตาลี และสเปน จะมีการหดตัวลงอย่างชัดเจนในปี 2566 เนื่องจากวิกฤติด้านพลังงาน

ฟิทช์คาดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อยในช่วงกลางปี 2566 จากการที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ ยังคงปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง

ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศจีนยังคงเผชิญแรงกดดันจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์และความเสี่ยงต่อเนื่องในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

หนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) คือ การแข็งค่าของเงิน ดอลลาร์สหรัฐฯ การระดมเงินทุนจากต่างประเทศที่ตึงตัวขึ้นส่งผลกระทบต่อประเทศขนาดเล็กและกลุ่มประเทศที่เพิ่งจะพัฒนา (Frontier Market)

แต่อย่างไรก็ตามประเทศขนาดใหญ่ยังคงมีความยืดหยุ่นมากกว่าในด้านการระดมเงินทุน

[ ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังเติบโตในปีหน้า ]

ประเทศไทยในฐานะผู้นำเข้าสุทธิของน้ำมัน ได้รับผลกระทบอย่างมากในด้านดุลการค้า รวมทั้งผลกระทบจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยังคงอ่อนแอ และส่งผลให้ประเทศไทยมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา

แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงมีภาคการเงินต่างประเทศที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเทียบกับอันดับเครดิตของประเทศ และยังเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่สูงขึ้นในปีหน้า

การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และฟิทช์ประมาณการว่าอัตราการเติบโตของเศษฐกิจ (GDP) ที่ 3.1% ในปี 2565 และ 4.2% ในปี 2566

[ จับสัญญาณ NPL หลังโควิด ภาวะดอกเบี้ยสูง ]

‘ทันย่า โกลด์’ ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายจัดอันดับเครดิตธนาคาร ภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า การฟื้นตัวของภาคธนาคารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค คาดว่าจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

แต่จะเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคน่าจะอยู่ในระดับต่ำในปีหน้า

อัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค น่าจะได้ประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย โดยธนาคารในฮ่องกงและสิงค์โปน่ารับประโยชน์มากที่สุด

ผลกระทบจากความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่อรายได้ของธนาคารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค โดยรวมน่าจะอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารได้มีการสะสมสำรองหนี้สูญฯ ไว้แล้ว

แต่อย่างไรก็ตามความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงมีต่อเนื่อง หลังจากการสิ้นสุดลงของภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานหลายปีและเกณฑ์การผ่อนผันต่างๆ หมดอายุลง

รายได้ของภาคธนาคารไทยน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง (แม้ว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่)

ฟิทช์คาดว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก หลังจากมาตรการผ่านปรนในช่วงโรคระบาดโควิดหมดอายุลง และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นยังส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์เพิ่มขึ้น

แต่อย่างไรก็ตามความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์น่าจะอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ เนื่องจากคาดว่านโยบายการเงินแบบหดตัวน่าจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปสำหรับประเทศไทย

อีกทั้งธนาคารไทยยังคงมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงจากการสะสมสำรองหนี้สูญและเงินกองทุนไว้แล้วในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยเป็นจุดแข็งของอันดับเครดิต

[ กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตต่อเนื่องในปี 66 ]

‘โอบบุญ ถิรจิต’ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดอันดับเครดิตภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในประเทศไทย กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมที่ฟิทช์มีการจัดอันดับเครดิตในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2566

โดยอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ซึ่งได้แก่ ธุรกิจอาหารและค้าปลีก โทรคมนาคม และซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง จะมีกำไรในปี 2566 ที่เติบโตไปอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันและพลังงานที่อยู่ในระดับสูง สร้างแรงกดดันต่อการเติบโตของกำไรในธุรกิจปิโตรเคมีและสาธารณูปโภค เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังราคาขายได้ทั้งหมด

บริษัทในภาคอุตสาหกรรมที่ฟิทช์มีการจัดอันดับเครดิตในประเทศไทย ได้แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการกระแสเงินสดในช่วงการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส ได้เป็นอย่างดี จากการใช้เงินลงทุนอย่างระมัดระวัง และลดการจ่ายเงินปันผล

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและการเข้าซื้อกิจการ โดยเฉพาะในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจไฟฟ้า เพื่อเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของความต้องการใช้พลังงาน ตามแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทเหล่านี้อยู่ในระดับสูง และทำให้โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า