Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เป็นยิ่งกว่าทอล์คออฟเดอะทาวน์กับการจับมือของอดีตคู่แข่งอย่าง ‘GRAMMY’ กับ ‘RS’ สองค่ายเพลงยักษ์ของไทย

เบื้องต้น GRAMMY กับ RS ตัดสินใจร่วมทุนกันในรูปแบบของกิจการร่วมค้า (joint venture) ใต้ชื่อ อะครอสเดอะยูนิเวิร์ส (ACROSS THE UNIVERSE JOINT VENTURE) วัตถุประสงค์เพื่อจัดซีรีส์คอนเสิร์ต (SERIES CONCERT) ครั้งประวัติศาสตร์ร่วมกัน

ตั้งเป้าทำงานร่วมกันต่อเนื่อง 3 ปี สร้างรายได้รวม 660 ล้านบาท โดยในปีแรกมีแผนจัด 3 คอนเสิร์ตในวันที่ 29-20 กรกฎาคม, 9-10 กันยายน และ 28-29 ตุลาคม หรือคอนเสิร์ตละอย่างน้อย 2 รอบ ณ อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี

คาดจะได้ผลตอบรับที่ดี ขายบัตรหมดทุกที่นั่งทั้ง 3 คอนเสิร์ตที่จะจัดในปีนี้ สร้างรายได้ปีแรก 220 ล้านบาท คาดเงินลงทุนรวม 100 ล้านบาท พร้อมอัตรากำไร 40-50%

‘GRAMMY’ และ ‘RS’ ลงทุนในสัดส่วนเท่ากัน แต่แบ่งงานโดย ‘GRAMMY’ รับผิดชอบในส่วนครีเอทีฟ คอนเซ็ปต์ และขายตั๋ว ส่วน ‘RS’ รับผิดชอบในส่วนงบประมาณและการประชาสัมพันธ์

รายละเอียดคอนเสิร์ตจะเน้นศิลปินในยุค 90 และ 2000 เป็นหลัก เพราะเป็นยุครุ่งเรืองของอุตสาหกรรมเพลงไทย แต่ยังไม่เปิดเผยธีมและรายละเอียดอื่นๆ ของคอนเสิร์ต แต่แน่นอนแล้วว่ามีคู่ดังแห่งยุคอย่าง

เจ เจตริน vs ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง
แอม เสาวลักษณ์ vs แหม่ม พัชริดา
มอส ปฏิภาณ vs เต๋า สมชาย
โบ สุนิตา vs ปาน ธนพร
ทาทา ยัง vs นุ๊ก สุทธิดา
2002 ราตรี vs เกิร์ลลี่ เบอร์รี่
อ๊อฟ ปองศักดิ์ vs ดัง พันกร
เป๊ก ผลิตโชค-ไอซ์ ศรัณยู vs แดน-บีม
นิว-จิ๋ว vs ลิเดีย ศรัณย์รัชต์
โจ๊ก โซคูล vs ฟลุ๊ค ไอน้ำ
และอื่นๆ อีกมากมาย

แต่หลายๆ คนคงสงสัยว่า เหตุผลอะไรทำให้สองค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่เป็นเหมือนน้ำกับไฟ ลิ้นกันฟัน มาตลอดหลายทศวรรษตัดสินใจมาจับมือกันในปี 2023

[ เหตุผลแรก รู้ว่ามีคนรอ ขอแค่กล้าลงมือ ]

เพราะสำหรับคนที่โตมาในยุค 90-2000 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของเพลงไทย รวมถึงยุครุ่งเรืองของธุรกิจเพลงของ GRAMMY และ RS คนไทยจำนวนมากจึงเกิดและเติบโตมากับเพลงของ GRAMMY และ RS รวมถึงเคยจินตนาการว่า ศิลปินจากสองค่ายที่เป็นคู่แข่งกันมาตลอดจะมาขึ้นเวทีเดียวกันสักครั้ง แต่ความเป็นไปได้ก็ดูน้อยเหลือเกิน

คอนเสิร์ตคอลแล็บระหว่างศิลปินยุค 90-2000 ของ ‘GRAMMY’ และ ‘RS’ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตลอดหลายทศวรรษ จึงแน่นอนว่า เพียงแค่ทั้งสองค่ายกล้าลงมือก็จะมีคนรออยู่แล้ว และก็สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้จริง ตั้งแต่วันแรกที่มีข่าว

ดังนั้น สองค่ายจึงตั้งเป้าทำรายได้ในปีแรก 220 ล้านบาท หักงบประมาณลงทุนราว 100 ล้านบาท เท่ากับจะมีกำไรราว 100 ล้านบาท แบ่งกันตามสัดส่วนการลงทุนเท่ากัน จะเท่ากับ ‘GRAMMY’ กับ ‘RS’ จะมีกำไรจากการจัดซีรีส์คอนเสิร์ตในปีนี้ 50 ล้านบาท

หากนำกำไร 50 ล้านที่ได้มาเพิ่มมาเทียบกับกำไรสุทธิในปี 2565 ของทั้งสองบริษัท
บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) มีกำไร 166.4 ล้านบาท
บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) มีกำไร 137.1 ล้านบาท
จะเห็นว่ากำไรจาก JV จะทำให้กำไรของทั้งสองบริษัทเพิ่มขึ้น 30% และ 36% ตามลำดับ

ปัจจุบัน มูลค่าธุรกิจคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี (showbiz) สูงกว่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดศิลปินไทย 2,500 ล้านบาท และศิลปินต่างชาติ 2,500 ล้านบาท ดังนั้น การเข้ามาของ GRAMMY RS CONCERTS ที่จะสร้างรายได้กว่า 220 ล้านต่อปี ถือเป็นสัดส่วนกว่า 8.8% ของตลาดคอนเสิร์ตศิลปินไทย

[ เหตุผลสอง สร้างกระแสเพลงไทย บูมธุรกิจหลัก-เตรียมกลับสู่ธุรกิจเพลง ]

ปัจจุบัน รายได้จากธุรกิจเพลงของ ‘GRAMMY’ มีสัดส่วนเป็น 58.3% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2565 เรียกว่าเป็นรายได้หลักของบริษัท

ส่วนรายได้จากธุรกิจเพลงของ ‘RS’ มีสัดส่วนเป็น 11.2% ของธุรกิจ น้อยกว่ารายได้จากธุรกิจพาณิชย์และธุรกิจสื่อ แต่ในช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ‘เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์’ ได้ประกาศกลับมาฟื้นฟูธุรกิจเพลงครบวงจรอีกครั้ง ทั้ง RS Homecoming ชวนศิลปินรุ่นเก่ามาสร้างผลงานใหม่ และ RS Newcomers ปั้นศิลปินใหม่ตีตลาดคนรุ่นใหม่

โดยสัดส่วนรายได้จากเพลงเก่าและเพลงใหม่เฉลี่ยทั่วโลก แบ่งเป็นรายได้จากเพลงเก่า 85% และเพลงใหม่ 15% สอดคล้องกับตัวเลขของ GRAMMY ที่มีรายได้จากเพลงเก่า 86% และเพลงใหม่ 14%

ซึ่ง GRAMMY ถือลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดรวม 50,000 กว่าเพลง
ส่วน RS ถือลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดรวม 10,000 กว่าเพลง

ซีรีส์คอนเสิร์ต GRAMMY RS CONCERTS จึงเป็นการจุดพลุปลุกกระแสเรียกแฟนเพลงชาวไทยให้กลับมาให้ความสนใจเพลงไทยอีกครั้ง โดยเฉพาะเพลงเก่าจากยุค 90 และ 2000 ที่ทั้งสองค่ายถือลิขสิทธิ์อยู่จำนวนมาก ซึ่งจะนำไปสู่การหารายได้เข้าสู่ธุรกิจเพลงให้กับ GRAMMY ที่มีธุรกิจเพลงเป็นธุรกิจหลัก และจุดกระแสให้กับการกลับมาของธุรกิจเพลง RS อีกครั้ง

[ เหตุผลสาม เจนใหม่ การตัดสินใจเปลี่ยน ]

การตัดสินใจจับมือกันครั้งนี้มาจากความตั้งใจของ ‘ภาวิต จิตรกร’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ของ GRAMMY และ ‘วิทวัส เวชชบุษกร’ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินของ RS ที่เรียกได้ว่าเป็น ‘เจนใหม่’ ของทั้งสององค์กร

โดย ‘ภาวิต’ ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า เริ่มพูดคุยกันเรื่องการจับมือครั้งนี้มานานกว่า 5 ปีแล้ว ต่างคนต่างเป็นฝ่ายสลับกันเข้าหา เพียงแต่ยังไม่เจอช่วงเวลาที่เหมาะสม จนกระทั่งเดินทางมาถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในตอนนี้ที่จะเปิดหน้าคุยกัน โดยต่างฝ่ายต่างเป็นเจนเนเรชันใหม่ขององค์กรทั้งคู่

‘ภาวิต’ และ ‘วิทวัส’ ยืนยันว่า การจับมือระหว่างสองค่ายจะทำให้ค่ายอื่นๆ และอุตสาหกรรมเพลงเห็นว่าทั้งสองค่ายเปิดรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมเพลงที่ยังสามารถเติบโตได้อย่างมหาศาล

พร้อมอธิบายความคาดหวังว่า อยากจะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการเพลงไทยและสร้างความเป็นที่สุดตอบแทนผู้บริโภค ให้อุตสาหกรรมเพลงไทยเติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า