SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2567 มีข่าวใหญ่เรื่องการควบรวมกิจการของผู้ผลิตรถยนต์ 3 แบรนด์ชื่อดังอย่าง ‘HONDA – NISSAN’ และ ‘Mitsubishi Motors’ ซึ่ง NISSAN เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยผู้บริหารจากทั้งสองมีการพูดคุยกันและเปิดเผยดีลนี้ต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดชัดเจนเรื่องการแบ่งสัดส่วน หรือการบริหารธุรกิจหลังควบรวม

กระทั่ง ‘รอยเตอร์ส’ อ้างแหล่งข่าวคนสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า มีความคืบหน้าล่าสุดอาจจะ ‘ล้มเลิกดีล’ จัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งแห่งใหม่ภายในปี 2026 เพราะการเจรจาระหว่างกันมีความซับซ้อนเกินไป ทั้งยังตกลงกันไม่ได้ในเรื่องผลประโยชน์

ซึ่งทันทีที่มีข่าวหลุดว่าทั้งสองแบรนด์อาจจะยุติการควบรวมกิจการส่งผลให้ราคาหุ้นของทั้งสองปรับตัวสูงขึ้น (5 กุมภาพันธ์ 2568) โดย HONDA เพิ่มขึ้นกว่า 2% และ NISSAN เพิ่มขึ้นประมาณ 1.6% เทียบกับดัชนี Nikkei 225 ของโตเกียว

แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อบอกว่า การเจรจาดังกล่าวมีความซับซ้อนเนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกันมากขึ้น

ในแง่ของรายละเอียดการเป็นเจ้าของ, การเป็นบริษัทในเครือ อย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่า NISSAN อาจจะเข้าไปอยู่ภายใต้การบริหารของ HONDA ทำให้ต้องสูญเสียอำนาจการบริหารไป เดาว่าน่าจะเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ดีลครั้งนี้ล่ม

นอกจากนี้ มีกระแสว่าคณะกรรมการบริหารของ NISSAN มีกำหนดจะประชุมเร็วๆ นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติการควบรวมกิจการ หลังจากที่ HONDA ได้หารือไปแล้วเกี่ยวกับการรับ NISSAN เข้ามาเป็นบริษัทลูก และอาจจะหมายถึงการบริหาร Mitsubishi ด้วย

แม้แต่สื่อญี่ปุ่น Asahi Shimbun ก็เคยรายงานว่า HONDA กับ NISSAN อาจจะไม่ได้ควบรวมกิจการกันแล้วอย่างที่คุยกันไว้ เพราะอนาคตที่ทั้งสองเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งคาดว่าทั้งสองบริษัทน่าจะประกาศให้ทราบช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้

 

[ ถ้าดีลล่ม NISSAN อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ]

อย่างที่รู้ว่า NISSAN ประสบปัญหาเรื่องการเงินมานาน โดยเงินสดสำรองของธุรกิจลดลงเรื่อยๆ ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 30% เพราะว่ายอดขายรถยนต์ไม่เป็นไปตามคาด บวกกับพฤติกรรมคนหันไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งบางแบรนด์มีราคาต่ำกว่ารถของ NISSAN

กระแสเงินสดที่ยังไม่ฟื้นตัว บวกกับปัญหาการเงินภายในเรื้อรัง จน CEO ต้องยอมลดเงินเดือนตัวเอง จนไปถึงดำเนินตามแผนลดคนมากถึง 9,000 คน ฉะนั้น กระแสที่เปรยๆ ว่าดีลการควบรวมอาจไม่สำเร็จ ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็น่าจะเป็น NISSAN

HONDA มีมูลค่าการตลาดที่มากกว่า NISSAN เกือบ 5 เท่าในปัจจุบัน ดังนั้น หากดีลล่มจริงอาจจะได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่คงไม่น่าเจ็บหนักเท่า NISSAN ดูจากสถานการณ์ในภาพรวม

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบริษัทยังไม่มีการออกมาให้ข่าว หรือแจ่งต่อสื่อมวลชน มีเพียงแหล่งข่าวไม่เผยชื่อที่มาจากทั้งสองให้ข้อมูลนี้กับสื่อ ทางที่ดีก็คือ เราคงต้องรอให้ทั้ง HONDA และ NISSAN ออกมาแถลงการณ์ด้วยตัวเองอีกครั้งหลังจากนี้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า