Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เป็นเวลา 5 ปีแล้วที่หัวเว่ยเจอศึกหนักจากการถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ออกมาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีจีนจากเหตุผลความมั่นคง ส่งผลให้หัวเว่ย จากบริษัทที่ผลิตมือถือเป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ของโลก ร่วงลงมาหลายอันดับ 

แต่การถูกนานาชาติแบนในวันนั้น เป็นเหมือนพลังฮึดให้หัวเว่ย จากบริษัทที่เกือบไปไม่รอด สู่ผู้นำเทคโนโลยีชิปเซมิคอนดักเตอร์ และยังกลับมาทวงบัลลังก์มือถือกล้องเทพด้วยการส่งรุ่น Huawei Mate 60 มาเขย่าตลาดมือถือ และอาจจุดความกังวลของสหรัฐฯรอบใหม่ 

[ ‘หัวเว่ย’ ฮึดเร่งพลิกวิกฤตหลังถูกแบน ]

การแบนส่งผลต่อหัวเว่ยมากกว่าที่คิด เพราะเทคโนโลยีชิปอเมริกาในตอนนั้น มีความก้าวหน้ามากกว่า บริษัทอุปกรณ์เทคโนโลยีทั่วโลกรวมจีน ต่างก็พึ่งพาชิปสหรัฐฯ การปิดกั้นสินค้าเทคโนโลยี ทำให้จีนขาดการเข้าถึงชิปเซมิคอนดักเตอร์สมรรถนะสูง

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เราจึงได้ยินข่าวว่าบริษัทจีน พยายามพึ่งพาตัวเองด้วยการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งผู้นำชิปในจีนตอนนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากหัวเว่ย 

สำนักข่าว Bloomberg เผยสกู๊ปรายงานว่า เพื่อเอาชีวิตรอดจากผลของแบล็กลิสต์ เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ให้นักพัฒนา 10,000 คน เข้ากะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อออกแบบแผงวงจรและซอฟต์แวร์ใหม่ และในช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุด พนักงานบางคนไม่ได้ออกไปนอกวิทยาเขตเซินเจิ้นเป็นเวลาหลายวัน โดยอาศัยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและนอนบนเก้าอี้

การขับเคี่ยวที่ผ่านมา ทำให้บทบาทของหัวเว่ยในฐานะผู้นำด้านชิปค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้น นอกจากจะเป็นลูกค้าที่สำคัญที่สุดของผู้ผลิตชิป และผู้ออกแบบชิปชั้นนำของประเทศแล้ว 

หัวเว่ยยังให้ความสำคัญกับความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม และสนุนทางการเงินแก่บริษัทขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มห่วงโซ่อุปทานชิปมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหัวเว่ยมักทำโดยไม่เปิดเผยความเกี่ยวข้องกับตัวเอง ซึ่งจะก่อให้เกิดการกระทบต่อข้อจำกัดของสหรัฐฯ

หัวเว่ย ยังได้แรงสนับสนุนจากรัฐบาลจีนด้วย Bloomberg เคยรายงานไว้ช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาว่า หัวเว่ยได้รับการสนับสนุนจากรัฐมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิป 

และยังมีกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลเมืองเซินเจิ้น ช่วยให้ หัวเว่ยสร้างเครือข่ายชิปแบบพึ่งพาตนเองได้ ทั้งผู้เชี่ยวชาญ ผู้พัฒนาอุปกรณ์ชิป และผู้ผลิตสารเคมี 

อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยปฏิเสธข่าวเรื่องรัฐบาลสนับสนุนว่า “นี่เป็นการคาดเดาจากข้อมูลออนไลน์เท่านั้น”  

[ Huawei Mate 60 ซีรีส์ โดยคนจีน เพื่อคนจีน ใช้ชิปจีน ]

ชื่อบริษัทหัวเว่ยกลับมาได้รับความสนใจในหน้าสื่ออีกครั้งจากการเปิดตัวมือถือ Huawei Mate 60 ซีรีส์ เพราะเป็นมือถือที่ใช้ชิปผลิตจากจีนโดยบริษัท SMIC

โดยชิป Kirin 9000S โปรเซสเซอร์ 7 นาโนเมตร รองรับ 5G ซึ่งสำนักข่าว Nikkei Asia และ Fomalhaut Techno Solutions ทำการแกะเครื่อง Huawei Mate 60 พบว่ามีชิ้นส่วนในเครื่อง 47% ที่ผลิตในจีน

ส่วนชิป ออกแบบโดย HiSilicon Technologies บริษัทย่อยของหัวเว่ย และผลิตโดย SMIC ของจีน ต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่แม้จะออกแบบเอง แต่ก็ส่งไปให้ TSMC ผลิตให้

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Huawei Mate 60 ซีรีส์เป็นที่ต้องการ แต่หัวเว่ยผลิตซีรีส์นี้ออกมาไม่มาก และขายแค่ในจีนเท่านั้น ซึ่งตอนนี้แม้แต่คนจีนก็ต้องรอคิวเพื่อซื้อ Huawei Mate 60 ซีรีส์

และที่น่าสนใจคือ แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกกับ Bloomberg ว่าในการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Mate 60 ซีรีส์ หัวเว่ยกำหนดเวลาการเปิดตัวให้ตรงกับการมาเยือนจีนของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ Gina Raimondo ถือเป็นการโชว์พลังเล็กๆ น้อยๆ ให้สหรัฐฯ เห็น และแสดงให้เห็นว่าหัวเว่ย เองก็กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

การพัฒนาชิปเป็นภารกิจเร่งด่วนของทั้งหัวเว่ยและรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่แค่จีน ไม่ว่าจะประเทศไหนในโลก ต่างก็ต้องการเป็นฮับของชิปเซมิคอนดักเตอร์ทั้งนั้น เห็นได้จากการที่สหรัฐฯ ออกกฎหมาย CHIPS for America Act ดึงดูดการตั้งโรงงานผลิตในประเทศแทนการผลิตจากจีน ญี่ปุ่นทุ่ม 2 ล้านล้านเยนเพื่อสนับสนุนให้เกิดการผลิตชิป เป็นต้น

แม้หัวเว่ยไม่เคยออกมาบอกตรงๆ เรื่องการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน แต่นักวิเคราะห์ก็คาดว่า จีนจะทุ่มเงินหลายพันล้านให้กับการแข่งขันชิป หากไม่เช่นนั้นแล้ว จีนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และอาจตกขบวน AI ที่กำลังมาแรงในตอนนี้

Chris Miller ผู้เขียนหนังสือ Chip War : The Fight for the World’s Most Critical Technology ให้มุมมองว่า “การอุดหนุนจากรัฐบาลที่มากขึ้นจะทำให้ หัวเว่ยแสดงออกถึงความเป็นอิสระได้ยากยิ่งขึ้น แต่การอุดหนุนจะช่วยให้หัวเว่ยขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าได้” 

อ่านเพิ่ม สรุปที่มาที่ไป ทำไม Huawei ถูกแบน https://workpointtoday.com/why-huawei-is-banned/ 

ที่มา

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า